วันจันทร์, พฤศจิกายน 09, 2558

กระชากแก๊งหมิ่นเพิ่ม 20 ราย พบสร้าง"ราชภักดิ์"ผิดปกติ




10 พ.ย.กระชากแก๊งหมิ่นสถาบันเบื้องสูงลงโทษเพิ่มอีก 20 ราย เผยจนท.ตรวจเพิ่มอีก 1 โครงการจัดสร้างหนังสือ "7 ตำนานสมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม" พล.ต.-พ.อ.เข้าไปดำเนินการ

ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์
วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน 2558

จากกรณีตำรวจจับกุมผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 112 รวม 3 ราย ประกอบด้วย นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ "หมอหยอง" อายุ 53 ปี นักโหราศาสตร์ชื่อดัง นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรือ "อาร์ท ชัตเตอร์มหาเทพ" อายุ 39 ปี ที่ปรึกษาและคนสนิทของนายสุริยัน และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือ"สารวัตรเอี๊ยด" อดีตสว.กก.1 บก.ปอท. โดยทั้งหมดถูกนำไปควบคุมตัวที่ เรือนจำชั่วคราว มทบ.11 แต่ระหว่างควบคุมตัว พ.ต.ต.ปรากรม ใช้เสื้อผู้ต้องขัง ผูกคอฆ่าตัวตายไป ส่วนการขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการ ตำรวจจับกุมนายศุกร์โข ตามเสรี หรือ เค อายุ 32 ปี คนสนิทของ พ.ต.ต.ปรากรม ได้เพิ่มเติม ในความผิดฐานครองครองปืนและเครื่องกระสุนปืน แต่ยังไม่มีหลักฐานเอาผิด ในคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ขณะเดียวกัน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่เหลือ ปรากฏชื่อนายตำรวจใหญ่ รวมทั้งนายทหารระดับสูง ยศตั้งแต่ พล.ต.-พ.อ. เข้ามาเกี่ยวข้องกว่า 50 นาย รวมทั้งส่อทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ด้วย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 7 พ.ย. มีรายงานข่าวจากชุดคลี่คลายคดี หมิ่นสถาบันเบื้องสูงแจ้งว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบปากคำพยานเพื่อหาความเชื่อมโยงเกี่ยวกับบุคคลอื่นๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเพิ่มเติม โดยพบว่านายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง 1 ในผู้ต้องหาคนสำคัญ ได้พาดพิงถึงนายทหาร 2 นาย ยศ พล.ต. และ พ.อ. ว่า มีส่วนพัวพันเรื่องดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลสืบสวนแต่ปรากฏว่านายทหารยศ พ.อ.ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว โดยทหารทั้ง 2 นายนี้ สนิทสนมกับนายทหารระดับสูงซึ่งได้เกษียณอายุราชการไปแล้วด้วย 

นอกจากนี้ชุดสืบสวนได้ตรวจสอบทางเทคโนโลยีเกี่ยวกับการสื่อสารทั้งหมดของผู้ต้องหาและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทำให้พบว่ามีการร่วมกันทุจริตโดยแอบอ้างเบื้องสูงในหลายเรื่อง ส่วนหนึ่งคือการจัดทำเสื้อกิจกรรมสำคัญที่มีการเรียกรับเงินจากบริษัทเอกชนไปมากถึงกว่า 70 ล้านบาท โดยพบว่ามียอดเงินกว่า 20 ล้านบาท เป็นเงินที่ได้มาจากบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง สำหรับประเด็นเรื่องเงินจำนวน 20 ล้านบาท ที่มีนายทหารระดับ พ.อ. เข้ามาเกี่ยวข้องนี้ พบข้อมูลว่า นายทหารคนดังกล่าวได้ติดต่อหญิงสาวรายหนึ่งซึ่งทราบว่าเป็นเจ้าของบริษัทผลิตเสื้อแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ ที่สนิทสนมกันมานานให้เข้ามาเป็นตัวแทน หรือนอมินีเพื่อรับสมอ้างที่จะเข้ามารับงานเป็นผู้ผลิตเสื้อ โดยมีรายงานการตรวจสอบย้อนไปพบในกล้องวงจรปิดว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา พ.อ. รายนี้ได้เดินทางไปรับหญิงสาวที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้วเดินทางมาบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่เพื่อรับเช็คเงินสดที่สั่งจ่ายสำหรับใช้ในการผลิตเสื้อ โดยจากภาพที่ปรากฏ พ.อ. แต่งเครื่องแบบเต็มยศมาด้วย อีกทั้งมีหลักฐานเป็นการสนทนาในช่วงเวลาต่าง ๆ และยังมีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดที่ยืนยันว่าผู้ต้องหาโดยเฉพาะนายสุริยันเคยนัดกับ พ.อ. ที่โรงแรมในกรุงเทพฯ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการขอสปอนเซอร์ในกิจกรรมพิเศษเช่นกัน 

รวมทั้งได้ตรวจสอบเส้นทางการโอนเงินของบริษัทผลิตเสื้อ พบว่ามีการโอนเงินส่วนหนึ่งมายังนายสุริยัน ซึ่งคาดว่าเป็นเงินส่วนต่าง ก่อนที่นายสุริยันจะนำเงินไปซื้อคอนโดมิเนียมที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นของหญิงสาวที่มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับ พ.อ.คนดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ทางชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่หาเบาะแสเพิ่มเติมในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ พร้อมเข้าตรวจค้นบ้านพัก และโรงงานภายใน จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านพักของผู้ที่มีความสนิทสนมของนายทหารยศ พ.อ. แล้ว อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการต่อไป 

นอกเหนือจากการทุจริตการจัดทำเสื้อแล้ว ชุดสืบสวนยังพบอีกว่านายทหารทั้ง 2 นาย ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยเฉพาะการจัดซื้อวัสดุก่อสร้าง และการก่อสร้างพื้นฐานต่าง ๆ รวมทั้งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบกิจกรรมต่าง ๆ ที่ปรากฏชื่อนายทหารทั้ง 2 นายเข้าไปดำเนินการ โดยเฉพาะโครงการจัดทำหนังสือ 7 ตำนานสมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม เพื่อตรวจสอบความโปร่งใสการดำเนินการด้วย 

อย่างไรก็ตามในส่วนของการติดตามจับกุมผู้ร่วมกระทำผิดรายอื่น ๆ นั้น ยังอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเตรียมออกหมายจับ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเพิมเติม เบื้องต้นคาดว่า น่าจะมีนายทหาร ตำรวจ และพลเรือน เข้าไปมีส่วนพัวพันคดีดังกล่าวเข้าข่ายไม่ต่ำกว่า 20 คน โดยแบ่งออกเป็นทหาร 2 ราย ตำรวจ 4 ราย และพลเรือนอีก 14 ราย ซึ่งในส่วนของพลเรือนนั้นเป็นบุคคลในเครือข่าย หรือกลุ่มนอมินี ที่ปรากฏเส้นทางเงินที่เชื่อมโยง คาดว่าไม่น่าเกินวันที่ 10 พ.ย.จะมีความชัดเจน 

ต่อมารายงานจากชุดคลี่คลายคดี แจ้งเพิ่มเติมว่า ภายหลังพบความผิดปกติเกี่ยวกับโครงการอุทยานราชภักดิ์พนักงานสอบสวนได้เริ่มตรวจสอบที่มาที่ไป และทำการสอบปากคำเจ้าของโรงหล่อแห่งหนึ่ง ซึ่งเข้าร่วมจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ ทำให้ทราบว่าราวเดือน ต.ค.57 ได้รับการติดต่อจากเซียนพระชื่อดังคนหนึ่งในฐานะคณะกรรมการจัดสร้าง ให้ไปพูดคุยเรื่องการดำเนินการจัดสร้างพระบรมราชาอนุสาวรีย์พระมหากษัตริย์ 7 พระองค์ ที่กรมกิจการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน กระทั่งมีการเซ็นสัญญาจ้างตกลงค่าจ้างที่ราคา 44 ล้านบาท ให้หล่อพระบรมราชาอนุสาวรีย์พระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่ง ซึ่งในส่วนขั้นตอนรายละเอียดต่าง ๆ ต้องประสานนายทหารยศ พล.ต. ที่มีการระบุก่อนหน้านี้ว่าเข้ามามีส่วนดำเนินการจัดสร้าง 

อย่างไรก็ตามในการดำเนินการครั้งนี้ต้องจ่ายค่าตอบแทนให้กับเซียนพระดังกล่าวเป็นค่าตอบแทนที่ให้ได้จัดสร้างครั้งนี้เป็นเงิน 10 เปอร์เซ็นต์ของราคาค่าว่าจ้างด้วย เช่นเดียวกับเจ้าของโรงหล่ออีกแห่งหนึ่งก็ระบุเช่นกันว่า เมื่อต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ได้รับการติดต่อจากเซียนพระคนเดียวกันให้เข้าร่วมจัดสร้างพระบรมราชาอนุสาวรีย์พระมหากษัตริย์ 7 พระองค์เช่นกัน รวมทั้งยังแนะนำผู้ที่จะเข้ามารับงานอีก 4 แห่ง และเซียนพระคนดังกล่าวจะหักค่านายหน้าในการจัดจ้างเช่นเดียวกัน 

สำหรับการจ่ายค่านายหน้าจะมีการดำเนินการจ่ายเป็นงวด ๆ งวดแรก เดือน ก.พ. นัดหมายจ่ายเงินที่พุทธมหาอุทยานหลวงปู่ทวด จ.พระนครศรีอยุธยา งวดที่ 2 เดือนพ.ค. สั่งจ่ายเงินเป็นเช็คเงินสด งวดที่สามสั่งจ่ายเป็นเช็คเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้กลับไม่สามารถขึ้นเงินได้ จึงใช้วิธีโอนเงินเข้าบัญชีของเซียนพระ หลังจากนั้นพยายามติดต่อเพื่อจะโอนเงินให้ แต่ไม่สามารถติดต่อได้จึงได้ยกเลิกไป.