 |
| หรวารินทร์ |
07 เม.ย 2558
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการบ้านเมืองของเรา กับความความคิดเรื่องโหราศาสตร์ แยกกันแทบไม่ออก
ฤกษ์งามยามดี กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่อาจจะมากกว่าการทำตามกฎ กติกา ในการบริหารประเทศเสียด้วยซ้ำไป นี่จึงทำให้เมื่อเกิดความไม่แน่นอน หรือเกิดภาวะที่การเมืองไม่มั่นคง ไร้เอกภาพ โหราศาสตร์ก็จะมีอิทธิพลเหนือหลักในการปกครองเสมอมา
จากรณีที่ นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหรชื่อดังแห่ง เจ้าของฉายา "โหร คมช."กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมือง ภายหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เข้ามาบริหารประเทศ ว่า ขณะนี้บ้านเมืองกำลังกลับมาเป็นปกติ แต่ต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับคืนเหมือนอดีต เพราะบ้านเมืองเราบอบช้ำมาเยอะ โดยตอนนี้ต้องสังคายนาใหม่ เรียกได้ว่า เก็บกวาดให้เรียบร้อย ซึ่งวันนี้ถือได้ว่าประเทศผ่านพ้นวิกฤติไปแล้ว นอกจากนี้ยังเห็นว่า พลเอกประยุทธ์ จะเป็นนายกรัฐมนตรีไปอีก 3 ปี
"จากการเปิดนิมิตดูแล้ว คสช.ต้องเข้าบริหารประเทศอย่างน้อย 2–3 ปีขึ้นไป โดยคนที่ต้องมาเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อบริหารประเทศ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ในปัจจุบัน เพราะทุกวันนี้ก็ทำหน้าที่เป็นนายกฯ อยู่แล้ว จะต้องเป็นนายกฯ นาน จนกว่าบ้านเมืองจะสงบเรียบร้อย ราว 2-3 ปี" โหรวารินทร์ กล่าว
กลายเป็นข่าวที่โด่งดังในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา เพราะตรงกับกระแสที่เกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ เรื่องการยืดอายุของรัฐบาล และ คสช.ออกไปอีก ร้อนจน พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกรัฐบาล ต้องออกมาชี้แจง ว่าทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมป ของประเทศเหมือนเดิม แต่ก็ยังออกมาในรูปแบบการกั๊กคำตอบ ในแง่ที่ว่า ถ้าหากยังมีความปลุกปั่น และความขัดแย้ง ทหารก็ถูกสอนมาให้ยืนเคียงข้างประชาชน
"นายกฯเอาเป้าหมายของการงานเป็นที่ตั้ง หากทุกอย่างเดินหน้าได้ตามแผนที่วางไว้ ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่รัฐบาลจะต้องอยู่ในตำแหน่งต่อไป นายกฯกล่าวเสมอว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ต้องการอำนาจ แต่ต้องการทำงานเพื่อประเทศ แต่หากยังมีความพยายามปลุกปั่น ยั่วยุ ขัดขวาง การทำงานของรัฐบาลก็จะส่งผลให้การบริหารราชการแผ่นดิน ไม่เป็นไปตามแผนและระยะเวลาที่วางไว้หากยังมีความเคลื่อนไหวอันนำไปสู่ความไม่สงบ สร้างความเดือดร้อนอันตรายให้แก่เจ้าหน้าที่และประชาชน รัฐบาลก็คงไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกเหนือจากยืนเคียงข้างและไม่สามารถละทิ้งประชาชนและหน้าที่ได้ เพราะนี่คือสิ่งที่ทหารทุกนายถูกปลูกฝังมา" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
ฤกษ์งามยามดี กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่อาจจะมากกว่าการทำตามกฎ กติกา ในการบริหารประเทศเสียด้วยซ้ำไป นี่จึงทำให้เมื่อเกิดความไม่แน่นอน หรือเกิดภาวะที่การเมืองไม่มั่นคง ไร้เอกภาพ โหราศาสตร์ก็จะมีอิทธิพลเหนือหลักในการปกครองเสมอมา
จากรณีที่ นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหรชื่อดังแห่ง เจ้าของฉายา "โหร คมช."กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมือง ภายหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เข้ามาบริหารประเทศ ว่า ขณะนี้บ้านเมืองกำลังกลับมาเป็นปกติ แต่ต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับคืนเหมือนอดีต เพราะบ้านเมืองเราบอบช้ำมาเยอะ โดยตอนนี้ต้องสังคายนาใหม่ เรียกได้ว่า เก็บกวาดให้เรียบร้อย ซึ่งวันนี้ถือได้ว่าประเทศผ่านพ้นวิกฤติไปแล้ว นอกจากนี้ยังเห็นว่า พลเอกประยุทธ์ จะเป็นนายกรัฐมนตรีไปอีก 3 ปี
"จากการเปิดนิมิตดูแล้ว คสช.ต้องเข้าบริหารประเทศอย่างน้อย 2–3 ปีขึ้นไป โดยคนที่ต้องมาเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อบริหารประเทศ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ในปัจจุบัน เพราะทุกวันนี้ก็ทำหน้าที่เป็นนายกฯ อยู่แล้ว จะต้องเป็นนายกฯ นาน จนกว่าบ้านเมืองจะสงบเรียบร้อย ราว 2-3 ปี" โหรวารินทร์ กล่าว
กลายเป็นข่าวที่โด่งดังในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา เพราะตรงกับกระแสที่เกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ เรื่องการยืดอายุของรัฐบาล และ คสช.ออกไปอีก ร้อนจน พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกรัฐบาล ต้องออกมาชี้แจง ว่าทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมป ของประเทศเหมือนเดิม แต่ก็ยังออกมาในรูปแบบการกั๊กคำตอบ ในแง่ที่ว่า ถ้าหากยังมีความปลุกปั่น และความขัดแย้ง ทหารก็ถูกสอนมาให้ยืนเคียงข้างประชาชน
"นายกฯเอาเป้าหมายของการงานเป็นที่ตั้ง หากทุกอย่างเดินหน้าได้ตามแผนที่วางไว้ ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่รัฐบาลจะต้องอยู่ในตำแหน่งต่อไป นายกฯกล่าวเสมอว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ต้องการอำนาจ แต่ต้องการทำงานเพื่อประเทศ แต่หากยังมีความพยายามปลุกปั่น ยั่วยุ ขัดขวาง การทำงานของรัฐบาลก็จะส่งผลให้การบริหารราชการแผ่นดิน ไม่เป็นไปตามแผนและระยะเวลาที่วางไว้หากยังมีความเคลื่อนไหวอันนำไปสู่ความไม่สงบ สร้างความเดือดร้อนอันตรายให้แก่เจ้าหน้าที่และประชาชน รัฐบาลก็คงไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกเหนือจากยืนเคียงข้างและไม่สามารถละทิ้งประชาชนและหน้าที่ได้ เพราะนี่คือสิ่งที่ทหารทุกนายถูกปลูกฝังมา" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
"...ผมเคยคิดว่าการที่ประเทศไทยหมกมุ่นกับคำทำนายของโหรนี่เป็นเรื่องที่ไร้สาระ และไม่สะท้อนความเป็นสมัยใหม่ แต่วันนี้ผมขอเปลี่ยนความคิดครับ ผมคิดว่า การติดตามเรื่องการทำนายของโหรกับการเมืองนั้นเป็นเรื่องที่มีคุณค่าในทางการข่าวเป็นอย่างมาก ผมจึงอยากจะเรียกร้องให้สื่อมวลชนรายงานข่าวเรื่องโหรอย่างมืออาชีพ
1. ควรจัดเก็บสถิติความแม่นยำของโหรแต่ละคน
2. ควรตรวจสอบสายสัมพันธ์และประวัติความเป็นมาของโหร
3. ควรตรวจสอบด้วยว่านักการเมืองและผู้มีอำนาจคนไหนใช้โหรทำอะไรบ้าง
4. ควรเปิดให้เห็นว่ามีสำนักคิดของโหรที่แตกต่างกันอย่างไร แต่ละคนเบี่ยงเบนไปจากหลักการมากแค่ไหน หรือบางคนไม่ใช่โหร แต่เป็นร่างทรง
5. สิ่งที่ผมคิดว่าสำคัญกว่าการดูว่าผู้นำคนไหนเหมาะจะเป็นผู้นำ คือควรลงข่าวความเปลี่ยนแปลงของดวงเมืองด้วย ทราบว่ามีการเปลี่ยนแปลงดวงเมืองอยู่หลายครั้ง แต่ผมไม่ได้ติดตามในรายละเอียด
6. บางครั้งผมว่าสื่อนั้นก็เล่นกับการรายงานของโหรอย่างมีชั้นเชิงนะครับ สังเกตว่าในอดีตมีหลายครั้งที่ผู้นำประเทศไม่ฟังใคร ก็เห็นแต่สื่อนี่แหละครับที่ไปลงบทสัมภาษณ์ของโหร ซึ่งทำให้ผู้นำรู้สึกจะมีสติมากขึ้น ดังนั้นใช่ว่าสื่อจะไม่เคยใช้โหรให้เป็นประโยชน์ แต่บ่อยครั้งโหรก็ใช้สื่อให้เป็นประโยชน์เหมือนกันครับ..."
 |
| ดร.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ |
โหรวารินทร์ เคยทำนายว่า ช่วงก่อนปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 โหรวารินทร์เคยทำนายว่า นายกฯคนใหม่จะชื่อ "ส" ซึ่งตอนนั้น ผบ.ทบ.คือ "ส" สนธิ บุณยะรัตกลิน โดย นายกรัฐมนตรีที่ได้คือ "ส" สุรยุทธ์ จุลานนท์
หรือช่วงที่มีข่าวแคนดิเดต ผู้บัญชาการทหารบก ระหว่าง พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กับ พลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร โหรวารินทร์ ก็ทำนายว่า คนที่มีบุญแรง จนน่าจะได้ขึ้นสู่เบอร์ 1 ของ ทบ. 2 คน...คือ "อ" กับ "ส" รวมถึงเคย ฟันธงว่า พลเอกอนุพงษ์ จะส่งไม้ต่อให้กับพลเอกประยุทธ์
หรือ การทำนายว่า การเมือง ยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ จะวุ่นวาย และเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง และอัศวินม้าขาวที่เข้ามาเป็นคนกลางจะเป็นทหาร และเป็นคนกลางที่ทุกฝ่ายยอมรับ
เเละในปี 2557 ช่วงต้นปี ที่ทำนายว่า นายกฯชื่อ "ป." มาแน่ แต่ไม่บอกว่าเป็นใคร รวมถึง ทำนายว่าการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์จะเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
ส่วนในปี 2554 ทำนายว่า นายกฯคนต่อจาก นายอภิสิทธิ์ มีอักษร ย่อ "ป." และยังไม่ถึงเวลาของนายกรัฐมนตรีหญิง
หรือการทำนายว่า นายวีระ สมความคิด และพวกที่ถูกขังอยู่ในคุกเขมร ไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ก็จะได้กลับมาประเทศไทย
ส่วนในอนาคตนั้น โหรวารินทร์ เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะหมดอนาคตทางการเมือง ขณะที่ประเทศไทย จะถูกนำและบริหารราชการแผ่นดิน โดยข้าราชการเข้ามาดูแลประเทศ และต้นปี 2559 ไม่มีการเลือกตั้งอย่างเเน่นอน !
ที่มา : มติชนออนไลน์
