วันอังคาร, สิงหาคม 20, 2567

ทำไมฝ่ายอนุรักษนิยมไม่ตั้งพรรคการเมืองที่มีคุณภาพขึ้นมา... เพราะ เค้าเล่นคนละเกม



คนละเกม

โดย หนุ่มเมืองจันท์
มติชนสุดสัปดาห์
18 สิงหาคม พ.ศ.2567

หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคก้าวไกล มี 2 เรื่องที่น่าสนใจ

เรื่องแรก ไม่มีใครแปลกใจต่อคำตัดสินนี้เลย

เหมือนกับรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรก็ต้อง “ยุบ”

เป็นคำตัดสินคดีที่ทำนายง่ายมาก แบบไม่ต้องฟังเหตุผลใดๆ

ไม่ต้องสนใจว่าพรรคก้าวไกลจะมีเหตุผลชี้แจงอย่างไร มีน้ำหนักแค่ไหน

ไม่สนใจว่าพยานของพรรคก้าวไกล คือ “สุรพล นิติไกรพจน์” อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และที่ปรึกษาของ กกต. โจทก์ที่ฟ้องคดียุบพรรคก้าวไกล

ไม่ต้องสนใจว่าศาลรัฐธรรมนูญอ้างข้อกฎหมายข้อใดในการยุบพรรค

เป็นคดีที่แทบทุกคนทำนาย “ผล” ได้ล่วงหน้าเหมือนกัน

เพราะเรื่องบางเราจะฟัง “เหตุผล”

แต่บางเรื่อง “ผล” มาก่อน “เหตุ”

เรื่องที่สอง ไม่เกิดปรากฏการณ์ “งูเห่า” ในการย้ายพรรคแม้แต่ตัวเดียว

พรรคก้าวไกลนั้นมีบทเรียนมาแล้วเมื่อครั้งยุบพรรคอนาคตใหม่

เขาปล่อยเวลาเนิ่นนานประมาณ 2 สัปดาห์กว่าการจัดตั้งพรรคก้าวไกลจะเสร็จเรียบร้อย

ครั้งนั้นเกิด ส.ส. “งูเห่า” จำนวนมากย้ายไปอยู่พรรคอื่น

แต่ครั้งนี้พรรคก้าวไกลเดินเกมเร็ว

เขาวางแผนมาดีมากในการจัดตั้งพรรคประชาชนภายใน 2 วัน

และอพยพ ส.ส.ทั้งหมดย้ายเข้าพรรคใหม่เรียบร้อยภายในวันเดียว

ส่วนหนึ่ง เพราะครั้งนี้พรรคก้าวไกลคัดเลือกตัวผู้สมัครดีกว่าครั้งอนาคตใหม่

ตอน “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ตั้งพรรคอนาคตใหม่ ในแวดวงการเมืองไม่มีใครเชื่อว่าพรรคนี้จะแจ้งเกิดทางการเมืองได้

แทบทุกคนเชื่อว่าได้ ส.ส.ไม่เกิน 5 คน

เขามีตัวเลือกน้อยมาก ดังนั้น ใครสมัครเข้าพรรคและพร้อมลงสมัคร ส.ส.ก็ได้สิทธิลงเลย

แต่ตอนพรรคก้าวไกล คนเริ่มเชื่อมั่นแนวทางของพรรคมากขึ้น และบทเรียน “งูเห่า” ครั้งนั้นทำให้เขาคัดกรองผู้สมัคร ส.ส.ค่อนข้างดี

เมื่อศาลตัดสินยุบพรรค ทุกคนจึงย้ายเข้าพรรคประชาชนอย่างพร้อมเพรียงกัน

เป็นปรากฏการณ์ที่แสดงความแน่นเหนียวทางอุดมการณ์ของพรรคประชาชน

เหมือนจะแพ้ แต่ไม่แพ้

ต้องยอมรับว่าครั้งนี้พรรคก้าวไกลวางแผนดีมาก

คิด “แผนสอง” ล่วงหน้าอย่างละเอียดยิบ

ทั้งการเตรียมพรรคใหม่

เตรียมทำคลิปประชาสัมพันธ์ต่างๆ ไว้ก่อน

เขาเปิดตัว “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นหัวหน้าพรรคทันที

พร้อมกับชื่อพรรคใหม่ “พรรคประชาชน” และโลโก้พรรค

ที่สำคัญ เขาแปรความคับแค้นใจของผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลให้กลายเป็น “อีเวนต์” แจ้งเกิดพรรคใหม่

เปิดรับสมัครสมาชิกใหม่

ตั้งเป้า 100,000 คน

และเปิดรับบริจาคเงินจากประชาชน

ตั้งเป้าหมาย 10 ล้านบาท

ทั้งหมดภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้

เป็นเป้าหมายที่ท้าทายมาก

มีคนบอกว่านี่คือ กลยุทธ์แปร “ความแค้น” ให้เป็น “เงินตรา” และ “สมาชิก”

และได้ผลจริงๆ

ยอดบริจาค 10 ล้านบาทสำเร็จภายในวันเดียว

สมาชิกทะลุ 50,000 คน ภายในเวลา 3 วัน

กลายเป็น “อีเวนต์” เขย่าขวัญพรรคการเมืองอื่นๆ

จาก “อีเวนต์” ระยะสั้น พรรคประชาชนยังกำหนดเกม “อีเวนต์” การเมืองอีก 2 ครั้งผ่านการเลือกตั้ง

ครั้งแรก เลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรี

ครั้งที่สอง เลือกตั้งซ่อมพิษณุโลก แทน “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา

ถ้าพรรคประชาชนประสบความสำเร็จ บรรลุเป้าหมายทุกเรื่อง กระแสพรรคจะยิ่งแรงขึ้น

ผู้สนับสนุนพรรคประชาชนจะมีกำลังใจและไปต่อ

ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามก็ต้องประเมินเกมใหม่

จะเล่นเกมอะไรต่อไป

แต่ในอีกมุมหนึ่งมีคนบอกว่าวิธีคิดสู่ชัยชนะของพรรคประชาชนนั้นแตกต่างจาก “ผู้มีอำนาจ” โดยสิ้นเชิง

ขณะที่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เชิญชวนให้ทุกคนไประเบิดคูหาเลือกตั้งในปี 2570

ตั้งเป้าหมาย “แลนด์สไลด์” เป็นรัฐบาลพรรคเดียว

เป้าหมาย คือ ส.ส. 270 คน

ต้องยอมรับว่านักการเมืองของพรรคประชาชนนั้นเป็น “คนรุ่นใหม่” อย่างแท้จริง

“เท้ง” หัวหน้าพรรคคนใหม่อายุ 37 ปี

พวกเขารอได้

“เวลา” เป็นของเขา

ถ้าเป็นพรรคอื่น ความคับแค้นใจจะต้องปะทุออกมาทันที

ไม่มีใครจะรออีก 3 ปี

พรรคประชาชนไม่เล่นเกมมวลชนนอกสภา

แต่เล่นเกมในระบบรัฐสภา

ส่วนหนึ่ง เพราะพลานุภาพด้านมวลชนของเขาไม่สูงเท่าพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดง

ขนาดวันยุบพรรค มีการประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าให้คนไปร่วมฟังผลการตัดสินที่หน้าพรรคก้าวไกล

แต่คนที่ไปแสดงพลังจริงๆ กลับไม่แน่นขนัดอย่างที่ควรจะเป็น

“ด้อมส้ม” ส่วนใหญ่เลือกแนวทางแสดงพลังผ่านโซเชียลมีเดีย และการกาบัตรเลือกตั้งมากกว่า

ถ้าประเมินจากโพล และกระแสที่เกิดขึ้นหลังการยุบพรรค

พรรคประชาชนน่ากลัวมาก

แต่…

ความน่ากลัวตามแนวทางนี้ไม่แน่ใจว่า “ผู้มีอำนาจ” กลัวหรือไม่

อย่าลืมว่าเขาเคยเผชิญหน้ากับ “ทักษิณ ชินวัตร” พรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงมาแล้ว

พรรคไทยรักไทยสมัย “ทักษิณ” เคยได้ ส.ส.มากที่สุด 377 เสียง

สมัย “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” พรรคเพื่อไทยก็แลนด์สไลด์ 265 เสียง

พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทยในอดีต ชนะการเลือกตั้งทุกครั้ง

เขาชนะการเลือกตั้งต่อเนื่องมานานเกือบ 20 ปี

จนมาครั้งนี้ที่แพ้พรรคก้าวไกล

ในมุมของ “ผู้มีอำนาจ” เขาถือว่าเกมที่ต่อสู้กับ “ทักษิณ”

เขาชนะ

พรรคไทยรักไทยชนะแลนด์สไลด์แค่ไหน ก็ยุบได้

ประชาชนสนับสนุนแค่ไหน ก็ยึดได้

มวลชนเสื้อแดงเยอะแค่ไหน ก็ปราบได้

ทุบไปเรื่อยๆ สุดท้าย “คู่ต่อสู้” ก็ยอมสยบเหมือนที่เห็นในวันนี้

ลองใส่รองเท้าของ “ผู้มีอำนาจ” ดูสิครับ

ถ้าคนที่เคยชนะแบบนี้มาแล้ว ถามว่าเขาจะกลัวพรรคประชาชนหรือไม่

นี่คือ มุมมองเกมของ “อำนาจ” ที่แตกต่างกัน

แต่อย่าลืมว่า “คริสติน่า อากีลาร์” เคยบอกไว้ว่า “ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำ ประวัติศาสตร์จะต้องเปลี่ยน”

และ “ประวัติศาสตร์ในวันนี้จะแตกต่างจากวันนั้น”

บางคนอาจเชื่อว่าประวัติศาสตร์จะไม่เปลี่ยน

แต่บางคนเชื่อว่าประวัติศาสตร์จะต้องเปลี่ยน

ไม่เช่นนั้นโลกเราคงไม่พัฒนาขึ้นเหมือนทุกวันนี้

…ประวัติศาสตร์บอกไว้แบบนั้นจริงๆ •

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ | หนุ่มเมืองจันท์

https://www.matichonweekly.com/column/article_792814