บางคน (ในฝ่ายตรงข้าม) ว่าน้ำท่วมเที่ยวนี้เหมือนเป็นลาง รัฐบาลอุ๊งอิ๊งจะเหมือนสมัยอาปู แต่ nah พวกนายแบกบอกไม่มีทาง วาทกรรมฝ่ายค้านตัดงบประมาณสร้างฝายจึงเกิดขึ้น จริงๆ แล้วประเด็นไม่ได้อยู่ที่งบฯ เสนอใช้แก้ภัยแล้ง
ครั้งนั้น ศิริกัญญา ตันสกุล เองก็อภิปรายว่าการสร้างฝายใช้ได้ทั้งแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม เพียงแต่ผู้เสนอของบลุกลี้ลุกลนและสุกเอาเผากิน ใช้เวลาเพียง ๑๒ วันจัดทำข้อเสนอ โดยไม่ได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในทางวิชาการ
เป็นเหตุให้กรรมาธิการซึ่งมีหลายพรรคการเมืองร่วมกัน โหวตตัดงบประมาณส่วนนี้ออกไป และเห็นได้ชัดว่าอาจมีนอกมีใน เมื่อกรรมาธิการพรรคก้าวไกลเสนอให้ระบุในสัญญาว่ารับประกันสองปี ฝ่ายรัฐบาลดึงดันแต่แค่ให้ไปตรวจสภาพดูแทน
คราวนี้มาใหม่ นายแบกเปลี่ยนมาเล่นเรื่องเขื่อนแทน ให้สังเกตุเส้นทางน้ำจากเหนือลงอ่าวไทย ว่าแม่น้ำยมไม่มีเขื่อนกั้น ก่อนหน้านี้มีการพยายามสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น “แต่ไม่ได้สร้างเพราะมีการคัดค้านรุนแรงมาตลอด” โดยไม่บอกเหตุทำไมค้านกัน
การสร้างเขื่อนไม่ได้แก้ปัญหาน้ำท่วมเท่าไร ที่สร้างๆ กันมาในสมัยรัชกาลที่ ๙ ก็เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า ซึ่งมากเกินต้องการ แต่ก็เอางบประมาณของรัฐไปอุดหนุนพวกโรงไฟฟ้าเหล่านั้น แถมเขื่อนนั่นเองเป็นตัวทำให้เกิดน้ำท่วมเสียด้วยซ้ำ
เวลาฝนตกหนักปริมาณน้ำมากจนจะล้นอ่าง เขื่อนก็ต้องปล่อยน้ำออกในปริมาณที่มากกว่าปกติ ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันตามรายทางที่แม่น้ำใหญ่ๆ ผ่าน เหตุนี้ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.และหัวหน้าพรรคประชาชนจึงตั้งข้อสังเกตุ
“ชาวบ้านมีความเป็นห่วงว่าหากเขื่อนปากแบงนี้สร้างเสร็จ อาจส่งผลกระทบให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในบริเวณนี้หนักขึ้นไปอีก” เขาเขียนทวี้ตเมื่อสองวันก่อนเรื่องเขื่อนในลาว ตรงข้ามชายแดนไทยที่ อำเภอเวียงแก่น ซึ่ง
“เอกชนยังไม่มีการพูดถึงค่าชดเชย จากผลกระทบต่อสายน้ำหลักและสายน้ำรอง หลังจากการสร้างเขื่อน” นี่คือประเด็นเดียวกันกับการขอให้โครงการสร้างฝายแกนดินซีเม็นต์ที่ต้องล้มไป เพราะไม่ยอมให้หลักประกันความปลอดภัย ๒ ปี
ยิ่งขณะนี้บริเวณน้ำท่วมขยายออกไป ปริมาณน้ำล้นเข้าถึงสุโขทัยแล้ว ขณะที่สภาพอากาศในช่วงวันที่ ๒๖ ถึง ๒๙ สิงหา “คาดว่าร่องมรสุมที่พาดผ่านทางบนของภาคเหนือจะเริ่มเลื่อนต่ำลง มาพาดผ่านบริเวณภาคเหนือตอนล่าง”
รวมทั้งภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรมอุตุฯ ว่า “สำหรับภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยมีฝนตกหนักถึงมากบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตก (อันดามัน)” จังหวัดภาคใต้ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรังและสตูล ก็ต้องระวังอุทกภัยเหมือนกัน
ฉะนั้น น้ำท่วมหนักครั้งนี้อาจไม่แพ้น้ำท่วมใหญ่สมัยยิ่งลักษณ์ก็ได้ การลงพื้นที่แจกถุงยังชีพของนายกฯ แพทองธาร อาจไม่เพียงพอเสียแล้ว ยิ่งการออกตรวจน้ำท่วมแบบที่รองนายกฯ ภูมิธรรมและสุริยะไปเชียงราย ก็อาจไม่เหมาะสมอีกด้วย
(https://www.facebook.com/tmd.go.th/posts/22Vq9A1s5eT และ https://khaosod.co.th/breaking-news/news_9379660)