
“Dead people receive more flowers than the living ones because regret is stronger than gratitude.”
“คนตายได้ดอกไม้มากกว่าคนที่ยังอยู่
ก็เพราะว่าความเศร้าโศก มีพลังมากกว่าความซาบซึ้งใจ”
แอนน์ แฟรงค์
ภาพจาก
I’m from Andromeda
.....
I’m from Andromeda
a day ago
·
การทิ้งสัจจะที่เคยพูดไว้กลายเป็นเรื่องง่ายของคนบางคนไปเสียแล้ว ข้ออ้างต่างๆ นานาที่พูดออกมาลบล้างคำสัญญาและอุดมการณ์ที่ตัวเองเคยยึดถือ ดูเหมือนจะมีเหตุผล
แต่ลองคิดดูใหม่ คนเหล่านี้มักให้เหตุผลกับการกระทำของตัวเองอยู่เสมอ และไม่เคยมองว่าตัวเองทำผิดพลาดใดๆ หลายครั้งเหตุผลเหล่านั้นจะถูกสร้างขึ้นมาเพียงเพื่อกลบเกลื่อนความไม่ซื่อตรงของตัวเอง
และพรสวรรค์ของคนเหล่านี้ คือเก่งในเรื่องของการพูดให้ดูดี ผู้ที่ฟังเคลิบเคลิ้มไปกับอุดมคติอันน่ายกย่อง แต่พอถึงเวลาจริงๆ ที่พวกเขาต้องแสดงออกด้วยการไม่ใช้วาจา กลับไปทำในทางตรงกันข้ามเสียอย่างนั้น
ราล์ฟ วัลโด อีเมอร์สัน นักปรัชญาชาวอเมริกันเคยกล่าวไว้ว่า "What you do speaks so loudly that I cannot hear what you say" แปลได้ว่า "สิ่งที่คุณทำมันดังมากจนฉันไม่ได้ยินสิ่งที่คุณพูดเลย"
มันไม่สำคัญเลยว่าคนๆ นั้นจะพูดอะไร เพราะการกระทำมันจะเสียงดังตะโกนลั่นจนกลบทุกคำพูดไปหมด
สุดท้ายแล้วในสังคมของเรา คำพูดไม่ได้มีความหมายอะไร นอกเสียจากเป็นตัวบ่งบอกว่า เราควรให้ค่ากับคำพูดของคนแบบนี้ หรือควรให้เป็นแค่ลมปากที่พัดผ่านไป
การที่คนบางคนเลือกที่จะทำลายคำสัญญาหรืออุดมการณ์ของตัวเอง เพราะความอ่อนแอทางศีลธรรม หรือเพราะพวกเขาไม่ได้มีอุดมการณ์ที่แท้จริงตั้งแต่แรก ความเสื่อมโทรมของจิตใจมากพอที่ทำให้หันไปหาข้ออ้างมากมายในการลบล้างคำพูดของตัวเอง
ถ้าไม่ได้ลงมือทำตามที่พูดไว้
แล้วทำไมเราถึงยังให้ค่าคนแบบนี้อยู่อีกล่ะ?
"เราไม่ได้กระทำสิ่งที่ถูกต้องเพราะเรามีคุณธรรม แต่เรามีคุณธรรมเพราะเราได้กระทำสิ่งที่ถูกต้อง - We do not act rightly because we have virtue or excellence, but we rather have those because we have acted rightly." - อริสโตเติล (Aristotle)