วันศุกร์, สิงหาคม 30, 2567

“คนตายได้ดอกไม้มากกว่าคนที่ยังอยู่ ก็เพราะว่าความเศร้าโศก มีพลังมากกว่าความซาบซึ้งใจ” แอนน์ แฟรงค์ (รอบนี้เห็นกันหมดแล้วว่าใครเป็นยังไง)



“Dead people receive more flowers than the living ones because regret is stronger than gratitude.”
“คนตายได้ดอกไม้มากกว่าคนที่ยังอยู่
ก็เพราะว่าความเศร้าโศก มีพลังมากกว่าความซาบซึ้งใจ”
แอนน์ แฟรงค์
ภาพจาก
I’m from Andromeda
.....

I’m from Andromeda
a day ago
·
การทิ้งสัจจะที่เคยพูดไว้กลายเป็นเรื่องง่ายของคนบางคนไปเสียแล้ว ข้ออ้างต่างๆ นานาที่พูดออกมาลบล้างคำสัญญาและอุดมการณ์ที่ตัวเองเคยยึดถือ ดูเหมือนจะมีเหตุผล
แต่ลองคิดดูใหม่ คนเหล่านี้มักให้เหตุผลกับการกระทำของตัวเองอยู่เสมอ และไม่เคยมองว่าตัวเองทำผิดพลาดใดๆ หลายครั้งเหตุผลเหล่านั้นจะถูกสร้างขึ้นมาเพียงเพื่อกลบเกลื่อนความไม่ซื่อตรงของตัวเอง
และพรสวรรค์ของคนเหล่านี้ คือเก่งในเรื่องของการพูดให้ดูดี ผู้ที่ฟังเคลิบเคลิ้มไปกับอุดมคติอันน่ายกย่อง แต่พอถึงเวลาจริงๆ ที่พวกเขาต้องแสดงออกด้วยการไม่ใช้วาจา กลับไปทำในทางตรงกันข้ามเสียอย่างนั้น
ราล์ฟ วัลโด อีเมอร์สัน นักปรัชญาชาวอเมริกันเคยกล่าวไว้ว่า "What you do speaks so loudly that I cannot hear what you say" แปลได้ว่า "สิ่งที่คุณทำมันดังมากจนฉันไม่ได้ยินสิ่งที่คุณพูดเลย"
มันไม่สำคัญเลยว่าคนๆ นั้นจะพูดอะไร เพราะการกระทำมันจะเสียงดังตะโกนลั่นจนกลบทุกคำพูดไปหมด
สุดท้ายแล้วในสังคมของเรา คำพูดไม่ได้มีความหมายอะไร นอกเสียจากเป็นตัวบ่งบอกว่า เราควรให้ค่ากับคำพูดของคนแบบนี้ หรือควรให้เป็นแค่ลมปากที่พัดผ่านไป
การที่คนบางคนเลือกที่จะทำลายคำสัญญาหรืออุดมการณ์ของตัวเอง เพราะความอ่อนแอทางศีลธรรม หรือเพราะพวกเขาไม่ได้มีอุดมการณ์ที่แท้จริงตั้งแต่แรก ความเสื่อมโทรมของจิตใจมากพอที่ทำให้หันไปหาข้ออ้างมากมายในการลบล้างคำพูดของตัวเอง
ถ้าไม่ได้ลงมือทำตามที่พูดไว้
แล้วทำไมเราถึงยังให้ค่าคนแบบนี้อยู่อีกล่ะ?
"เราไม่ได้กระทำสิ่งที่ถูกต้องเพราะเรามีคุณธรรม แต่เรามีคุณธรรมเพราะเราได้กระทำสิ่งที่ถูกต้อง - We do not act rightly because we have virtue or excellence, but we rather have those because we have acted rightly." - อริสโตเติล (Aristotle)