เมื่อปลายเดือนที่แล้ว รมว.อุดมศึกษาฯ จัดประชุมผลักดันการจัดตั้งคณะวิชาเพิ่มให้แก่ ม.ราชภัฏสามแห่งภาคอีสาน โดยมี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรีมานั่งหัวโต๊ะร่วมประชุมและให้คำแนะนำว่า ควรต่อยอดจัดการศึกษาแนวใหม่
ทว่า ‘แนวใหม่’ ที่ว่านั่นเป็นการถอยกลับไปเดินตามรอยยุคลบาทพระมหากษัตริย์รัชกาลปัจจุบัน ที่เรียกว่า “ขับเคลื่อนการพัฒนาท้องถิ่นตามพระบรมราโชบาย ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว”
รวมทั้งเน้นว่า “ทั้งหมดนี้ ขอให้ผู้บริหาร อาจารย์ และพนักงานของทุกมหาวิทยาลัยต้องเข้าใจการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ในทิศทางเดียวกัน” แต่เมื่อวานนี้ (๕ ธันวา) กลับมีข่าวเรื่องผลการสอบ PISA ประเทศอาเซียนเมื่อปีที่แล้วออกมา
งามหน้า “นักเรียนไทย พบว่าทุกทักษะทั้งคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน ได้คะแนนต่ำสุดในรอบ ๒๐ ปี” แม้นว่าภาพรวมเมื่อปี ค.ศ.๒๐๒๒ “พบว่าประสิทธิภาพของสมรรถนะเด็กในกลุ่มประเทศ/เขตเศรษฐกิจ OECD ลดลงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
ขอย้ำอีกครั้งว่า ‘ปิ๊ซ่า’ คือการประเมินสมรรถนะนักเรียนในกลุ่มสมาชิกองค์การร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาของภูมิภาคเอเซีย ที่สมาชิก ๘๑ ประเทศ ซึ่งจัดการสอบเพื่อตรวจวัดกันทุกๆ ๓ ปี ครั้งนี้นักเรียนสิงคโปร์ครองอันดับหนึ่งทุกรายการ
ที่ว่าเด็กไทยคะแนนลดลงถึงจุดต่ำสุดในรอบ ๒๐ ปีนั้น พริษฐ์ วัชรสินธุ แจงว่า ด้านคณิตศาสตร์ ลดลง ๖% ได้อันดับ ๕๘ ด้านการอ่าน คะแนนลด ๔% เป็นอันดับ ๖๔ และวิทยาศาสตร์ก็ลดลง ๔% เช่นกัน อยู่ในอันดับ ๕๘ ของทั้งสิ้น ๘๑
‘ไอติม’ ส.ส.ก้าวไกล ชี้ด้วยว่าการด้อยคุณภาพทางการศึกษาของเด็กไทยนี้มีแน้วโน้มติดต่อกันมานับสิบๆ ปีแล้ว เขาพูดอย่างนั้นเพื่อจะกระตุ้นว่ามันคือ “สัญญาณเตือนภัย ที่ทำให้ทุกภาคส่วนเห็นชัดว่าการศึกษาไทยกำลังอยู่ในขั้น วิกฤต” นะ
เขามีข้อเสนอเยอะแยะ ๘-๙ ข้อ ที่จะหันเหแนวโน้มจากถอยลงคลองที่กำลังติดลมอยู่ ผู้สนใจตามไปอ่านเพิ่มตามลิ้งค์ข้างล่าง แต่ ณ ที่นี้ เก็บมาให้ชิมลางเพียงว่า วิชาภาษาอังกฤษให้เน้นการสื่อสาร ส่วนวิชาประวัติศาสตร์ต้องเน้น “วิเคราะห์-ถกเถียง-แลกเปลี่ยน”
(https://www.facebook.com/photo/?fbid=887872069374246&set=a.477705887057535 และ https://www.facebook.com/MHESIThailand/posts/efYDJB9wTe47)
