บร๊ะ ทีมเศรษฐกิจลิ่วล้อรัฐบาลชุดสืบทอดอำนาจ คสช.รุ่นนี้ สำบัดสำนวน ‘ลายพราง’ ยังกับศิษย์ จปร.กันเชียวนะ ทั้งผู้ว่าฯ แบ๊งค์ชาติและเลขาฯ สภาพัฒฯ พูดภาษาไทย ‘fuzzy’ วกวนเท่านั้นไม่พอ ใช้คำรุ่มร่ามเหมือนจงใจ ‘misleading’ ให้คิดเป็นอื่น
เข้าใจละ ว่าแปลมาจากศัพท์ฝรั่ง แต่ไม่จำเป็นต้องเรียงคำให้ตรงตามอักษรก็ได้ ภาษาเป็นเครื่องสื่อความ ถ้าความหมายเพี้ยนแล้วมันจะสื่อเหวอะไร อย่างที่ว่า “growth rate’s at deficit” ถ้าเขียนไทยให้ตรงว่า “ขยายตัวติดลบ” ยังพอเข้าใจ
นี่ทั่น เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ บอก “ปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ที่ติดลบ ๘%” ใส่คำ ‘ได้’ เข้าไปเพื่อให้หลงกลว่าเป็นการขยายตัว ไม่ใช่ ‘หดตัว’ เหรอ แล้วต่อด้วยคำ ‘ที่’ จงใจจะบอกว่าไอ้การติดลบนั้นอยู่ในแวดวงคนดีของการขยายตัวน่ะสิ
นี่ก็ไม่นึกนะ ว่าจะต้องมาอธิบายเรื่องเศรษฐกิจด้วยวิชา ภาษาไทย ๑๐๑ อะ แต่วิธีการเลี่ยงบาลีแบบที่รัฐบาลชุดที่แล้วของ คสช.ทำอยู่ตลอด ๖ ปี แล้วสันดานแก้ไม่หายตามมาถึงยุคนี้ที่นายกฯ คนเดียวกันชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ (อะ‘ไร’ นะ) ซึ่งเที่ยวเอาสติ๊กเกอร์ ‘เรารัก’ ไปลอบแปะท้ายรถชาวบ้าน
กลับเข้าลู่ เรื่องเศรษฐกิจบ้านเมืองยังย่ำแย่ การส่งออกคาดว่าจะติดลบ ๑๑% อ้างว่าเพราะภาคท่องเที่ยว อันเป็นอุตสาหกรรมหลักอย่างหนึ่งได้รับผลกระทบจากโรคระบาดไวรัส โควิด-๑๙ อย่างสบักสบอม แล้วผู้ว่าฯ ดันอ้อนอีกว่า
“เศรษฐกิจไทยยังมีปัญหาซ้ำเติมจากเรื่องหนี้ครัวเรือน ที่เป็นปัญหาอยู่คู่กับไทยมาตั้งแต่ก่อนโควิด-19 เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่ใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการกู้ยืม” อ้าว นี่เค้าชมหรือด่ารัฐบาลของตัวเองกันแน่วะจ๊ะ
จะบอกว่าการคลังเจ๋ง*เพราะไม่ยอมควักเนื้อ จะซื้ออะไรก็ใช้การกู้เอาๆ จนหนี้สาธารณะติดลบบานเบอะ งั้นเรอะ “วิกฤติเศรษฐกิจในรอบนี้อาการหนัก แก้ยาก และต้องใช้เวลา เพราะปัญหาไม่ได้เกิดแบบกระจุก แต่เป็นแบบกระจาย” แต่ทั่นผู้ว่าฯ ครับ ไอ้การกระจุก นั่นก็ปัญหา
แบบที่ระดับชาวบ้าน @kokvasin เขาว่า “คนที่ทุนไม่มี ทุนน้อย หรือสะดุดล้ม จริงๆ ติดลบมากกว่านี้มาก ส่วนเจ้าสัว Top ten ผมคิดว่าอาจจะไม่ติดลบด้วยซ้ำ ปีนี้กว้านซื้อของถูก ขายแพงทีหลัง ความเหลื่อมล้ำก็ยิ่งมากยิ่งขึ้นไปอีก”
*ทั่นผู้ว่าฯ คุยเรื่องคลังเจ๋งว่า “เสถียรภาพในระบบการเงินยังอยู่ในระดับแข็งแกร่ง...โดยทุนสำรองและสภาพคล่องในระบบอยู่ในระดับสูง...เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (บีไอเอส) ที่ ๑๙% แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ ๓ ของภูมิภาค”
และ “แม้คนจะกังวลเรื่องสัดส่วนหนี้สาธารณะ แต่ตอนนี้ยังอยู่ระดับต่ำกว่าปี ๒๕๔๐ สะท้อนว่าฐานะการคลังยังเข้มแข็ง” ลงท้ายว่า “อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ หากรัฐบาลต้องการจะกู้เงินก็ยังมีกระสุนที่จะทำได้” ยุแยงตะแคงรั่วเดี๋ยวก็ ฉิ_หาย ลุงเค้ายิ่งชอบกู้อยู่ด้วย
อีกรายเป็นเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจฯ แถลงเรื่องเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสามของปีนี้ ว่า “ขยายตัวติดลบ ๖.๔% เป็นการปรับตัวลดน้อยกว่าที่คาดไว้มาก” นี่ก็พูดความจริงไม่หมด ที่ละไว้เพื่อให้ฟังแล้วงงๆ จะได้ไม่มีคนถาม
ว่าที่คาดการณ์นั้น ตั้งความหวังไว้เกินกว่าที่จะเป็นไปได้ สูงเกินจริงไปมากๆ เพื่อหลอกชาวบ้านหรือเปล่าล่ะ ทั่นเลขาฯ ยังสบัดต่ออีกว่า “เศรษฐกิจไทย ๙ เดือนแรก ขยายตัวติดลบ ๖.๗% เนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวได้ดี”
นี่ถ้าพูดแบบชาวบ้านเขาเรียก ‘ใช้เงินมือเติบ’ นะ ไหนพูดกันนักกันหนาว่า น้อมนำเอาปรัชญา ‘เศรษฐกิจพอเพียง’ ของเสด็จพ่อหลวงฯ มาใช้ไง พอเพียงนี่น่าจะหมายถึงการมัธยัสถ์ด้วยมิใช่หรือ แล้วยังจะมีหน้ามาบอกว่าไอ้ที่ฝรั่งเรียก ‘bite off more than can chew’ เป็นการขยายตัวได้ดีเหรอพี่
เสร็จแล้วส่วนที่ทั่นหัวปลีเศรษฐกิจทั้งสองพูดไม่หมด ‘ละไว้จะได้ไม่เข้าใจ’ นั้นอยู่ที่วิธีการ ‘ปะ’ รอยโหว่ต่างๆ ในภาพวิจิตรของการเงินการบัญชีประเทศไทย ว่าคือการ ‘รีดเลือด’ จากประชากรระลอกใหม่ ให้ทันกับโลกาภิวัฒน์ คาดว่าครานี้จะมีคนกระอักอีกราว ๕ แสน
อธิบดีกรมสรรพากรเอามาเผยว่า “ขณะนี้กรมสรรพากรเตรียมแผนเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีในปี ๒๕๖๔ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย...โดยกรมจะเร่งขยายฐานการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความเป็นธรรมในระบบ”
แน่ะทั่น เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อ้าง ‘ความเป็นธรรม’ เสียด้วย บอกว่า “สำรวจพบว่ามีผู้อยู่นอกระบบภาษีถึง ๖ ล้านคน เช่น ฟรีแล้นซ์ อินฟลูเอนเซอร์ (นักโน้มน้าว) ยูทูบเบอร์ เป็นต้น” ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้นราว ๕ แสนคน จะทำให้เก็ฐภาษีได้เพิ่มอีกเยอะ
ในเมื่อรัฐบาลนี้ตั้งเป้าเก็บภาษีปีหน้าให้ได้ ๒.๐๘๕ ล้านล้านบาท หลังจากที่รัฐบาลชุด คสช.และชุดสืบทอดนี้ถลุงไปแล้วไม่น้อยกว่า ๑๖ ล้านล้าน (สถิติเมื่อกลางปี ๖๑)
(https://www.thairath.co.th/news/politic/1304467, https://www.prachachat.net/finance/news-556183, https://www.posttoday.com/economy/news/638100 และ https://www.posttoday.com/finance-stock/news/637884)
