แบบ ‘ป๋าเต็ด’ ว่าน่ะนะ “ต้องบันทึกในประวัติศาสตร์ชุมนุมโลก เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธสู้ม็อบที่มีแค่เรือเป็ด” อาวุธของเจ้าหน้าก็มีตั้งแต่หนักถึงหนักฉิบ ได้แก่รถฉีดน้ำกำลังสูง ผสมสารเคมีที่ใช้ทำแก๊สน้ำตา ตัวแก๊สน้ำตาของแท้ กระสุนยาง (ที่อาจไม่ได้ใช้) และ ‘ความตอแหล’
ส่วนผู้ชุมนุมมีเรือยางเป่าลมรูปเป็ด ที่ขนกันไปหมายจะเอาลงลอยน้ำประท้วงหน้ารัฐสภา แต่ต้องเอามาใช้ป้องกันน้ำแสบคันของตำรวจที่ระดมฉีดใส่ สกัดไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าไปในบริเวณหน้าอาคาร หลังจากที่การ์ดอาสาตัดม้วนลวดหนาม และดึงแท่งปูนกีดขวางออก
เหตุระทึกเริ่มแต่บ่ายอ่อนๆ เมื่อตำรวจนครบาลเริ่มฉีดน้ำเกือบทุกๆ ๕ นาฑี ๔-๕ ครั้ง น้ำเปล่าบ้าง น้ำผสมแก๊สน้ำตาบ้าง มีพักบางช่วงเพื่อถอยรถฉีดบางคันออกไปเติมน้ำ อ้างว่าหยุดเพื่อเจรจากับแกนนำผู้ชุมนุม แต่แล้วกลับมาฉีดใหม่อีกหลายระลอก
กระทั่งบ่ายสี่โมงครึ่ง คราวนี้ยิงแก๊สน้ำตาขนานใหญ่สลับฉาก ทำให้ไม่เพียงแต่การ์ดและผู้ชุมนุมแนวหน้า (ซึ่งปนเปไปด้วยนักเรียนระดับมัธยมต้น นักเรียนหญิงก็มี) เด็กอนุบาลและประถมละแวกนั้นที่เลิกเรียนพอดีโดนลูกหลงกันไปด้วย
จนหกโมงเย็นแล้วตำรวจยังยิงแก๊สน้ำตาใส่ไม่หยุด ตอนนี้ละชุลมุลมากเพราะมีคนเจ็บจากพิษแก๊สและแรงกระแทก ฝ่ายผู้ชุมนุมต้องร้องขอนำส่งคนเจ็บสู่โรงพยาบาล ใกล้จะทุ่มตรงมีคลิปเห็นตำรวจแจกแก๊สน้ำตาและกระสุนยางกัน
เหตุการณ์เช่นนี้เหมือนทั้งบริเวณหน้าตึกรัฐสภาและแยกเกียกกายตลอด ๔-๕ ชั่วโมงตอนบ่าย ชนิดที่พวก ส.ส.พรรคก้าวไกลที่ลงไปช่วยผู้ชุมนุมเจรจากับตำรวจ โดนแก๊สน้ำตากันถ้วนหน้า แม้ไม่หนักแต่ก็แสบตากันระนาว ทั้งรังสิมันต์ เบญจา ณัฐวุฒิ และพิธา
เวลาราว ๕ โมงกว่าๆ “บริเวณแนวรั้วที่สองหลังสะพานลอย มีการขว้างปาสิ่งของใส่กันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร และกลุ่มคนเสื้อเหลือง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนที่อยู่ใกล้เคียงนั้นไม่ได้เข้ามาควบคุมเหตุแต่อย่างใด”
ตามรายงานสื่อสังคมอิสระบนหน้าเฟชบุ๊คและทวิตเตอร์เล่าว่า เหตุปะทะระหว่างสองฝ่ายนี้เป็นแนวลวดหนามและเครื่องกีดขวางของตำรวจ ซึ่งฝูงชนเสื้อเหลืองยกขบวนกันเข้ามาประชิดขณะผู้ชุมนุมคณะราษฎรอยู่อีกฟาก
กำลังตำรวจซึ่งประจำบริเวณนั้นถอนตัวออกไปเมื่อสองฝ่ายเริ่มขว้างปาใส่กัน อันนี้เป็นหลักฐานให้ ‘ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน’ ใช้แจ้งความ ผบ.ตร.และ ผบช.น.ว่า “ละเลยปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยมวลชนเผชิญหน้าหลังถอนกำลัง ไม่ดูและสถานการณ์
จนเกิดเหตุทำร้ายร่างกาย ฝ่ายราษฎรเจ็บหลายคน รวมทั้งการ์ดอาสาคนหนึ่งถูกกระสุนปืนที่ยิงมาจากฟากเสื้อเหลือง ผู้สื่อข่าว ไทยรัฐ รายงานสดว่าพบปลอกกระสุนในบริเวณกลุ่มผุ้ชุมนุม และมีการยืนยันเวลาต่อมาว่าเป็น .๓๘ ออโต้
ลงเอย ยอดผู้บาดเจ็บซึ่งอยู่ในฝ่ายผู้ชุมนุมและคนโดนลูกหลงทั้งหมด ๕๕ ราย ตามข้อมูลจากโรงพยาบาล ๙ แห่ง ซึ่งศูนย์เอราวัณรวบรวมไว้ (รอยเตอร์และเอเอฟพีเอาไปรายงาน) ว่า “มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 41 คน โดย ๕ คนมีบาดแผลถูกยิง”
ภายในรัฐสภามีการอภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ๗ ฉบับ โดยทีม ‘ไอลอว์’ ชี้แจงเนื้อหาและความใฝ่ฝันร่างที่มีรายชื่อประชาชนร่วมสนับสนุนเกือบแสน ที่บางคนวิจารณ์ว่าล้วนแต่เป็นข้อกฎหมายอันถูกต้องแท้จริงตามหลักนิติธรรมและประชาธิปไตย
แม้นว่า สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ‘เสด็จพ่อ’ ทางวิชาการประวัติศาสตร์ราชวงศ์ไทย จะตำหนิว่า น้อยไปหน่อย ‘หน่อมแน้ม’ ประเด็นการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ แต่พวก สว.ตู่ตั้งกลับบอกว่า “มีเนื้อหาสาระที่น่ากลัว” โดยเฉพาะจากปาก จเด็จ อินทร์สว่าง
“ท่านพูดว่าการขโมยความฝันเป็นบาป แต่ผมจะพูดต่อจากท่านว่าการสร้างความหวังโดยมีผลประโยชน์อำพรางโดยมิควรได้ทำให้ประเทศชาติเสียหาย มุ่งหวังให้คนไม่ดีมาปกครองบ้านเมืองเป็นบาปยิ่งกว่า” ย้อนแย้งคำอภิปรายของ ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการไอลอว์
ที่อธิบายความฝัน ๕ อย่าง อันมีหลักใหญ่ใจความอยู่ที่ “ความฝันในการอยู่ในประเทศที่กติกาการปกครองสูงสุดถูกเขียนโดยประชาชน มีการยกร่างจากประชาชน ๑๐๐% ทว่ากลไกต่างๆ ในรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ทำให้ความฝันเหล่านี้เป็นจริงไม่ได้”
รวมความว่า สว.ตู่ตั้ง และ ส.ส.รัฐบาลคงไม่เอาร่างฯ ไอลอว์ (และอีก ๔ ร่างฯ ของเพื่อไทย) แน่ๆ เมื่อมีการลงมติกันวันนี้หลังจากที่มีการอภิปรายเพิ่มเติมในส่วนที่ตกค้างมาแต่เมื่อวาน พวกเขาตั้งใจตีตกกันมาแต่ต้นแล้ว อภิปรายเป็นกระสายเท่านั้น
มิน่า ส.ส.ภูมิใจไทย ศุภชัย ใจสมุทร ถึงได้อภิปรายพาดพิงม็อบราษฎรภายนอก ที่ไปชุมนุมผลักดันร่างฯ ไอลอว์ เป็นเรื่องตลกขบขัน “มะรืนนี้จะมีวันหยุด (ชดเชย) สงกรานต์ ก็อาจจะมีฉีดน้ำให้มันเปียกพอเป็นการวอร์มอัพ”
(https://www.facebook.com/iLawClub/posts/10164659485080551, https://www.facebook.com/iLawClub/posts/10164660992520551%2CP-R, https://twitter.com/EakThestandard/status/1328873387775574016 และ https://www.facebook.com/lawyercenter2014/posts/3429153323801164)