วันอาทิตย์, มิถุนายน 07, 2563

ชวนอ่าน ประวัติศาสตร์การอุ้มหาย จากบีบีซีไทย และ ประชาไท



...



ประวัติศาสตร์การอุ้มหาย เริ่มจากรัฐประหาร และคงไม่จบด้วยคณะรัฐประหาร

รวมกรณีเหตุการณ์การบังคับสูญหาย หรือ ‘อุ้มหาย’ทั้งที่ตามตัวหรือร่างพบและไม่พบ
เตียง ศิริขันธ์
หะยีสุหลง โต๊ะมีนา
ช่วงปราบคอมมิวนิสต์
ทนง โพธิ์อ่าน
เหตุพฤษภา 2535
คดีเพชรซาอุฯ
ช่วงสงครามยาเสพติด​
สมชาย นีละไพจิตร
ชาวปาตานี
กมล เหล่าโสภาพันธ์
ช่วงสลายแดง 52-53
เอกยุทธ อัญชันบุตร
พอละจี รักจงเจริญ
สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว
เด่น คำแหล้
อิทธิพล สุขแป้น
วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ
สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์
ชัชชาญ บุปผาวัลย์
ไกรเดช ลือเลิศ
ชูชีพ ชีวะสุทธิ์
กฤษณะ ทัพไทย
สยาม ธีรวุฒิ
และล่าสุดวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์

รวมทั้งหลายกรณีที่ไม่ทราบแม้แต่ชื่อ

อ่านรายละเอียดที่ https://prachatai.com/journal/2020/06/88005
...

กรณีอุ้มวันเฉลิม และอุ้ม(ฆ่า)ผู้ลี้ภัยในประเทศเพื่อนบ้าน
มันสะท้อนการใช้อำนาจเถื่อนตามอารมณ์โดยไม่มีเหตุผลทางการเมือง
:
พูดอย่างนี้คือ ในทางการเมือง การตามฆ่าตามอุ้ม มักจะกระทำกับบุคคลที่เป็นอันตรายยิ่งยวดต่ออำนาจ เช่น สามารถส้องสุมกำลัง สามารถปลุกคนลุกฮือ หรือมีอิทธิพลทางความคิดอย่างสูง (เช่นสตาลินส่งคนไปฆ่าทรอตสกี้) ไม่เช่นนั้นก็ได้ไม่คุ้มเสียในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
:
ยิ่งในโลกปัจจุบัน ที่มีกติกาสากลปกป้องผู้ลี้ภัย ยิ่งแทบไม่มีการกระทำอย่างนี้อีกแล้ว แต่กลับมาเกิดกับผู้ลี้ภัยไทยในประเทศเพื่อนบ้าน
:
การอุ้มฆ่าอุ้มหายผู้ลี้ภัยก่อนหน้านี้ โกตี๋ สุรชัย สหายภูชนะ สหายกาสะลอง ชูชีพ ชีวะสุทธิ์ สยาม ธีรวุฒิ กฤษณะ ทัพไทย ก็ล้วนแต่ไร้เหตุผลทางการเมือง คนเหล่านี้ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าออกยูทูบ โพสต์เฟซบุ๊ก (ซึ่งมีแฟนคลับอยู่บ้างแต่ไม่ส่งผลถึงขั้นกระเทือนอำนาจ บางครั้งก็ทะเลาะกันเองอีกต่างหาก) ซึ่งในทางการทูตสามารถกดดันประเทศเพื่อนบ้านให้ห้ามปราม (เช่นในลาวก็มีการขอให้หยุดเคลื่อนไหว) ตรงข้ามกับการอุ้ม ซึ่งไม่ทราบประเทศเพื่อนบ้านรู้เห็นหรือไม่ ถ้าไม่รู้เห็น แม้เขาเกรงใจไม่พูดซึ่งหน้า ก็คาใจอยู่ลึกๆ ถ้ารู้เห็น ก็เสียหายไปด้วยกัน และเป็นหนี้บุญคุณอีกต่างหาก
:
กรณีวันเฉลิม ยิ่งไปกวาโกตี๋ สุรชัย ชูชีพ ตรงที่เขาไม่ได้มีบทบาทวงกว้าง ไม่ได้ออกยูทูบ ไม่ได้โพสต์เฟซท้าทาย 112 อะไรเลย สอบถามประวัติ วันเฉลิมเป็น NGO ทำงานด้าน GLBT หลังปี 53 ก็มาร่วมทีมรณรงค์หาเสียงให้เพื่อไทย ก่อนรัฐประหารก็อยู่ในทีมรณรงค์ตอบโต้ กปปส. จึงถูกเรียกตัวและลี้ภัย ตัวเขาเองไม่ได้มีบุคลิกก้าวร้าว ไม่ใช่คนที่จะไปส้องสุมกำลังหรือปลุกใคร
:
กรณีที่ถูกสงสัยว่าเป็นแอดมินเพจต้องได้ร้อยล้าน ก็น่าประหลาดใจ เพราะเพจนี้มักปล่อยข้อมูลวงใน ไม่น่าใช่ผู้ลี้ภัยอายุ 39 เว้นแต่จะมีคนส่งให้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เดี๋ยวคนที่ส่งให้ก็ย้ายไปส่งที่อื่น และผมไม่เชื่อว่าทหารไม่รู้ว่าข่าวรั่วจากไหน นอกจากนี้หลังเลือกตั้ง สายข่าวเพื่อไทยก็ยังสามารถเผยแพร่ข้อมูลทางอื่น เพจนี้ที่จริงก็ลดความสำคัญลงแล้ว
:
การกระทำที่ไร้เหตุผลอย่างนี้ จึงมองได้ว่า อำนาจเถื่อนที่อุ้มผู้ลี้ภัยนี้ จริงๆมันคันไม้คันมืออยากกำจัดคนเห็นต่าง อาจจะอยากอุ้มคนในประเทศเต็มแก่ แต่ถ้าทำแล้วก็เป็นคดีที่ตำรวจไทยรัฐบาลไทยต้องรับผิดชอบ เลยข้ามไปทำในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งรัฐไทยสามารถปัดความรับผิดชอบไม่รู้ไม่เห็น

#saveวันเฉลิม

Atukkit Sawangsuk