เลือกตั้งซ่อมลำปางเขต ๔ รู้ผล ‘เบื้องต้น’ แล้วตามคาด
ผู้สมัครพลังประชารัฐคว้าชัยขาดลอย แต่ว่าผล ‘เบื้องหลัง’
ยังจะตามมา ‘ลบ’ หรือมา ‘หลอน’ ต้องรอลุ้นกันต่อในวันสองวันนี้ จะดีหรือร้าย
ชื่อหนึ่งโด่งขึ้นมากว่าใครๆ ธรรมนัส พรหมเผ่า
เขาเป็นหัวโจกของพรรคที่ขึ้นไปช่วยผู้สมัครหาเสียงตลอด
๒๐ วันที่ผ่านมา และ ‘สำคัญ’ มากขนาด ส.จ.หมอรวย ผู้ชนะต้องปรี่เข้าไปกราบหน้าตัก
ทันทีที่รัฐมนตรีแป้งมันทั่นนี้ไปแสดงความยินดีด้วยหลังจากทราบผลคะแนนไม่เป็นทางการ
คะแนนเขตนี้ก็คือ ๕ อำเภอ ๓๘๖
หน่วยเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ๑๖๒,๙๒๐ คน ผู้สมัคร ๕ คน “นายวัฒนา สิทธิวัง
พรรคพลังประชารัฐได้ ๖๑,๘๘๑ คะแนน ทิ้งห่าง ร.ต.ท.สมบูรณ์ กล้าผจญ พรรคเสรีรวมไทย ที่ได้ ๓๘,๐๔๘ คะแนน”
ขณะที่ ‘เบื้องหลัง’ คะแนนดังกล่าว ปรากฏมีชาวบ้านในท้องที่ร้องเรียนว่า “บอกตามตรงเลยนะ พรรค
พปชร.อะ ซื้อเสียง...จริงค่ะ หัวละ ๓๐๐ บาท เราได้รับเงินค่ะ แต่ไม่ได้เลือก”
เนื่องจาก “เงินก็เอามาแจกแบบยัดเยียด”
เจ้าของบัญชีทวิตเตอร์ @SKsawanan
ลงรายละเอียดด้วยว่า “สงสารคนแก่มาก คือเขากลัว เขาก็เลยต้องเลือก
พวกกำนันผู้ใหญ่บ้านเป็นหัวคะแนนก็ต้องเลือก เพราะโดนข่มขู่มาแล้วไง...พรรคนี้คนรู้จักเขาเยอะด้วยแหละ...ก็ได้แต่ทำใจเนอะ”
นอกจากนั้นที่ร้องกันลั่นกว่า บอกว่า “ลำปางหลวงต้องนับคะแนนใหม่
เนื่องจากคะแนนรวมเลือกตั้ง เกินจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์” (จากทวี้ตของ Ketsiri_R)
แถมด้วยคำบริภาษณ์ของ ถือแถน@pran2844 ว่า “บัตรเลือกตั้งยุคนี้มันสำส่อน
อยู่ในหีบยังไม่ทันข้ามคืนก็มีลูกซะแล้ว” โดย
Phattita Cheraiem
เอาไปโพนทะนา “แบบนี้โบราณเรียกบัตร 'ดอกทอง' ค่ะ” เลยทำให้ Phong Airplane สาวความ “ต่อไปต้องแยกหีบบัตร
ชาย หญิง ไม่งั้นปี้กันแหลก แน่ๆ”
ด้วยเหตุเหล่านี้ ในเมื่อรัฐมนตรีขึ้นไปเล่นเอง
ก็ต้องรับผิดชอบกับความสำส่อนเหล่านั้น ไม่ว่าคะแนนที่ชนะจะขาดลอยแค่ไหน
การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ต้องเป็นโมฆะและจัดเลือกตั้งกันใหม่ ข้อกล่าวหาง่ายๆ
รมต.มีมลทินในความสุจริต
“๑๗ มิ.ย.ที่ผ่านมา
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องของ ส.ส.ที่ขอให้วินิจฉัยสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.
และรัฐมนตรีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า”
จากการที่เคยเป็นผู้ต้องคำพิพากษาความผิดในคดีค้ายาเสพติด ซึ่งมีหลักฐานมากมาย
แม้เจ้าตัวจะอ้างด้านๆ ว่านั่นเป็น ‘แป้งมัน’
และหากศาลรัฐธรรมนูญซึ่งขณะนี้มีตุลาการใหม่
๔ คน ยังขาดอีก ๑
คนที่ศาลปกครองสูงสุดต้องส่งรายชื่อคนใหม่ให้วุฒิสภาอนุมัติแทนคนที่เพิ่งถูกตีตกไป
แม้นว่า ตลก.ตกค้างจากชุดเก่า ๔ คน ซึ่งตัดสินเป็นคุณแก่หัวหน้า คสช.
และให้โทษหัวหน้าพรรค อนค.
จะอ้างว่าคดียาเสพติดของธรรมนัสนั้นเกิดขึ้นในประเทศออสเตรเลีย
ไม่มีผลต่อการเป็นรัฐมนตรีในประเทศไทย ดังที่ สว.ตู่ตั้งบางคนพยายามให้ความเห็นนำร่องไว้
ย่อมเป็นที่ประจักษ์เสียยิ่งกว่ายุคที่ คสช.ใช้อำนาจรัฐประหารโดยตรง
อำนาจจากการกดขี่บังคับโดยรัฐประหารที่ว่าเป็นเผด็จการโดยธรรมชาติ
หนักหนาสาหัสพออยู่แล้วต่อหลักสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพมหาชน
อำนาจจากการฉ้อฉลบิดเบือนหลักนิติธรรม อันเป็นเผด็จการทางกฎหมายซึ่งชั่วร้ายยิ่งกว่า
และจะเป็นความเน่าเฟะสำหรับประเทศชาติ
หากทำกันอย่างซ้ำซากกลายเป็นความชาชิน ขาดทั้งคุณธรรมและศักดิ์ศรี
สังคมแห่งความเป็นไทยๆ จะต่ำช้าจนมองหน้าใครไม่ติดในอารยะประเทศ เมื่อกฎหมายเขียนขึ้นมาเอื้อคนกลุ่มย่อย
เอาเปรียบคนส่วนใหญ่
การบิดเบือน โกหก และตอแหล โดยผู้ปกครอง
ผู้บริหาร และผู้ใช้อำนาจรัฐ อันเกิดจากกฎหมายไร้นิติธรรมดังกล่าวกำลังเป็น ‘นิวนอร์มอล’ ในเนื้อแท้ที่นายกรัฐมนตรีอ้างถึง
ในเมื่อไม่เพียงประยุทธ์ ประวิตร และรัฐมนตรีอีกหลายคนประพฤติปฏิบัติกันประจำแล้ว
นิสัยโป้ปดและบิดเบือนชนิดเข้าเนื้อและขึ้นสมองนี้ระบาดลงไปถึงข้าราชการระดับล่างๆ
มากยิ่งขึ้น ดังกรณีปลัดเทศบาลตำบลที่สิงห์บุรี “ยืนยันว่าขวดเหล้าที่เห็นภายในเป็นน้ำปลา
ส่วนน้ำแข็งและโซดานำมาชงน้ำหวานทานเท่านั้น”
ทั้งที่วิดีโอคลิปที่แพร่ออกไปทั่วแล้วเห็นได้แจ่มแจ้งว่าข้าราชการนั่งซดเหล้าในสถานที่ทำงาน
มีข้าราชการสาวคอยชงให้ เหตุเกิดแบบเดียวกับที่ตำบลบางน้ำเชี่ยว อ.พรหมบุรี
นี้คงจะโผล่ออกมาอีกหลายแห่ง ถ้ากรณีนี้ข้าราชการรอดอีกตามเคย
ดังที่ Kai Nan
เขียนเปรยไว้อย่างหมองหม่น “เฮโรอีนยังหายกลายเป็นแป้ง นกอีแร้งแปลงเป็นนกกระสา รีเจนซี่ที่เห็นเป็นน้ำปลา
นับประสาอะไร...”