วันจันทร์, มิถุนายน 29, 2563

ปุจฉาชวนคิด ทำไมฝ่ายค้านตกอับ แต่โพลก็ยังไม่กล้าเชิดเครือข่ายสืบทอดอำนาจ คสช.


เป็นปุจฉาน่าคิดเวลานี้ ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจของประเทศ (มหภาค) ยังซบเซาไม่เห็นทางฟื้นในอนาคตอันใกล้ และปากท้องของประชาชน (รากหญ้า) ยังฝืดเคืองเรื่อยมาตลอด ๕-๖ ปี หมดหวังแก้ไขในวันมะรืนวันพรุ่ง แต่ไฉนทางการเมืองเครือข่าย คสช.กลับอ้วนพีกัน

ไม่เท่านั้น “ฝ่ายตรวจสอบ-ถ่วงดุล” หรือฝ่ายค้านในสภาผู้แทนฯ ก็ “อาการหนัก ลุ่ม ๆ ดอน ๆ...ไม่สามารถคัดง้างฝ่ายตรงข้ามได้” ดัง ประชาชาติธุรกิจออกบทวิเคราะห์เอาไว้ ว่าเมื่อตอนเริ่มต้นสูสีกัน ฝ่ายค้าน ๗ พรรค ๒๔๖ เสียง รัฐบาล ๑๙ พรรค ๒๕๔ เสียง

อยู่มา ๑ ปี รัฐบาลประยุทธ์ได้เสียงเพิ่มเป็น ๒๗๖ จากฝ่ายค้านทั้งด้วยพลังดูดและแรงโดดเกาะ โดยเฉพาะหลังจาก อำนาจที่สืบทอดจาก คสช.สามารถยุบพรรคอนาคตใหม่ได้ดังแผนพิมพ์เขียว ดูดเอางูเห่าเลื้อยเข้ารัฐบาลเป็นพรวน

ไหนจะคะแนนปัดเศษ ส.ส.เอื้ออาทร อีกทั้งการกลับมาเฟื่องฟูของการเมืองแบบเพื่อปากท้องของพรรคและพวก ทำให้พรรคเศรษฐกิจใหม่ย้ายฝั่งยกพรรค ทิ้งหัวหน้า มิ่งขวัญค้างเติ่งอย่างเดียวดาย ฝ่ายค้านเหลือแค่ ๖ พรรค กับ ๒๑๒ ส.ส.

แล้วยังเลือกตั้งซ่อมสามสี่ครั้ง “ฝ่ายค้านไม่เคยชนะ” ตั้งแต่เขต ๔ นครปฐม เขต ๒ กำแพงเพชร เขต ๒ ขอนแก่น และหมาดๆ เขต ๔ ลำปาง เพิ่มเสียงแก่ฝั่งรัฐบาลเสียจนเป็น ข้างมากหายห่วง แม้กระทั่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจข้อมูลเด็ดๆ แต่การแสดงหน่อมแน้ม

ประชาชาติยกเอากรณี “เพื่อไทยอภิปรายจนเวลาหมด ไม่เหลือให้อนาคตใหม่ได้อภิปรายในวันสุดท้าย รัฐมนตรีที่ถูกยื่นญัตติซักฟอกอย่าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย รอดการถูกซักฟอกแบบไร้รอยขีดข่วน” มาเปิดแผล

แม้นว่า สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้านจากเพื่อไทย อ้างเป็นเพียง “ขลุกขลักบ้าง เป็นประสบการณ์ใหม่ที่เราเพิ่งกลับมาเป็น ส.ส....พรรคร่วมฝ่ายค้านยังต้องแชร์ประสบการณ์เรียนรู้กันอีกเยอะ” และว่าต่อไป “ภาพไม่เป็นขบวนจะไม่เกิด”

แต่ความอ่อนเปลี้ยของ เพื่อไทยเป็นดัชนีชี้แนวดิ่ง ที่เริ่มต้นเป็นหัวแรงสำคัญฝ่ายค้าน พอแตกใบอ่อนกลายเป็น หางแถวไม่นับ รอยแยกในระดับแกนนำของเพื่อไทย “จนบางส่วนต้องไปตั้งกลุ่มแคร์” ที่ยังเป็นแค่ ‘Think Tank’ เสียมากกว่าพลังการเมือง


จุดหักเหน่าจะอยู่ที่ เสียงค้านอันสำคัญต่อการสืบทอดอำนาจของ คสช. ในพรรคอนาคตใหม่ ถูกคุมกำเนิดอย่างชั่วร้าย ทั้งที่พวกเขาดิ้นกันอย่างสุดฤทธิ์ โดยที่พรรคข้างเคียง มิตรร่วมอุดมการณ์ได้แต่ทำตาปริบๆ ท่ามกลางความหวาดหวั่นจะมาถึงตนด้วย

บอล ธนวัฒน์ วงค์ไชย ยกประเด็นขึ้นมาให้คิดจากนิด้าโพลล่าสุด พบว่า “คะแนนของอนาคตใหม่ไหลไปก้าวไกลแค่ ๑๓%” ส่วนคะแนนให้ใครเป็นนายกฯ ที่ ธนาธรเคยได้อันดับหนึ่ง ๓๑% “ไหลไปหาทิม พิธา แค่ ๔%”

จุดน่าสนใจอยู่ที่โพลนิด้า เลี่ยง ที่จะเชิด ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาแทน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เลี่ยงที่จะให้พรรคเพื่อไทยได้สวมความนิยมแทนอนาคตใหม่ โพลอันดับ ๑ กลับ “ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย” เช่นกันกับตัวนายกฯ “ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้”

ทั้งที่ประโคมกันหนักต่อการที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้าไปคุมพรรคพลังประชารัฐด้วยตนเอง และ เด้ง กลุ่มสี่กุมารออกจากลำดับสายการบังคับบัญชา หนำซ้ำพยายามจะดัน บิ๊กอายส์โปรเฟสเซ่อโฆษกขึ้นไปเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจแทน สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
 
พอได้กรรมการบริหารชุดใหม่และ ๑๓ อรหันต์ภายใต้เฮียป้อมหัวหน้า เลขาฯ ใหม่ อนุชา นาคาสัย พยายามชงให้ ศาสตราจารย์ด็อกเต้อ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ได้เป็นเหรัญญิกของพรรค เทียบชั้นกูรูเศรษฐกิจ แต่ไม่สำเร็จ

เสียงวิจารณ์ว่าผลงานทางบริหารไม่มี เคยสอนหนังสืออยู่ที่นิด้าก็งั้นๆ ไต่เต้าตามช่องทางของกระแสน้ำจนกระทั่ง สมคิด ดึงไปเป็นผู้ช่วย อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลังในรัฐบาล คสช. แม้จะย้ายไปเป็นโปรเฟสเซ่อโฆษกก็มีแต่เสียงยี้

มาได้ดิบได้ดีตอนช่วงหัวต่อโควิด-๑๙ กับการเปลี่ยนม้าศึกเศรษฐกิจทีมประชารัฐเดิม พอ อาจารย์แหม่มลดบทบาทจากโฆษกฯ ไปเป็นเลขานุการรองนายกฯ ประวิตร เท่านั้นแหละดวงรุ่งอย่างไม่กระโตกกระตาก ก่อนที่จะทำท่าเป็นดาวร่วงขณะนี้

ขนาดที่เสียงนินทาบอก ก่อนหน้านี้ พปชร.พยายามทาบทามมืออาชีพทางเศรษฐกิจอย่าง “ประสาร ไตรรัตน์วรกุล และ ปรีดี ดาวฉาย จากค่ายกสิกรไทย” ไปร่วมทีม แต่ถูกปฏิเสธเป็นแถว “พอรู้ว่าต้องมาอยู่ภายใต้การกำกับของนฤมล”

ซ้ำมีข่าว มิร้าย เรื่อง แม่บิ๊กอายส์เอาใจลุงป้อม ว่าจ้าง ๓ แสน ให้ ฌอน บูรณะหิรัญ ทำพีอาร์ชื่นชมประธาน ป่ารอยต่อ เป็นผู้ใหญ่น่ารัก ในงานโค่นป่าปลูกต้นไม้ใหม่ อันทำให้ฌอนโดนถล่มไม่หยุดจนบัดนี้ ยิ่งกว่า ตายหยังเขียด


ถึงตรงนี้ ฝ่ายค้านควรที่จะคิดออกแล้วละ ว่าทำไมถึงได้กลายเป็น เบี้ยรองบ่อน ของพวกเสือสิงห์กระทิงแรด ที่นำวิชามารทางการเมืองกลับมาใช้กันอย่างเริงร่าได้