สถานะโควิดไทย
ที่ไม่ค่อยมีผู้ติดเชื้อเพิ่มมาพักใหญ่ เสริมส่งบรรยากาศ ‘ลบยังไงก็ไม่ลืม’ วันที่ ๒๔ มิถุนาซึ่ง Pannika Wanich เชื้อเชิญว่า “ปรีดีก็มา
แถมพระยาพหลฯ ชวนเอง” รีทวี้ตจาก กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย “ย่ำรุ่งเจอกัน”
(ตีห้า)
“ทุกคนรู้ เรารู้
แต่เผด็จการไม่อยากให้เรารู้” เขาว่า “มาร่วมกันแสดงเจตนารมน์
ให้เผด็จการตระหนักว่าเราจะไม่ลืมในสิ่งพวกเขาอยากให้ลืม
ประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์จะต้องถูกจดจำไปจนชั่วลูกชั่วหลาน...โอกาสครบรอบ ๘๘ ปี
วันอภิวัฒน์สยาม”
อ้างไม่ได้แล้วละว่าห้ามชุมนุมเพราะกลัวติดเชื้อระบาด
แต่พวกผู้ครองอำนาจที่ไม่อยากให้เรารู้ ก็ยังดั๊นอ้างจนได้ว่าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
“อยู่ระหว่างการปรับปรุง” และ “ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต” นักศึกษาที่ไปผูกโบว์ขาวถูกตำรวจเรียกไปแจ้งข้อหาเป็นแถว
บางคนถูกคุกคาม ดังมีเจ้าหน้าที่ปกครองไปก่อกวนถึงบ้านโฆษกศูนย์นักเรียนนักศึกษา
สนท. น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ตั้งคำถามข่มขู่มารดาของเธอ “ใครเป็นเจ้าของบ้าน”
แถมลงท้ายด้วยว่า “เดี๋ยวนายผมจะโทรมานะ”
(https://www.matichon.co.th/politics/news_2237556 และ
https://facebook.com/1169719846490864/posts/2855163654613133/…)
ต่อการที่อาทิตย์นี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙
สะสม ๓,๑๔๘ ราย อยู่ในอันดับ ๙๒ ของโลก และเสียชีวิตแล้วเพียง ๕๘ ราย
ขณะที่ในสหรัฐและบราซิล จำนวนคนตายและติดเชื้อยังเพิ่มอย่างน่าใจหาย
สวนทางกับบรรยากาศ ‘ผ่อนคลาย’
ก็ ‘ดั๊น’ อีกแหละ ขณะที่แถลงทางการวันนี้บอกในประเทศมีผู้ติดเชื้อเพิ่มแค่รายเดียว
แต่ไปเจอผู้ติดเชื้อจากไทยที่พม่า ๑๙ ราย ตัวเลขไม่ใหญ่นักหากเทียบกับระดับโลก
แต่หมอไทยบอก ‘น่าห่วง’ จนกระทรวงสาธารณสุขยอมรับ
เป็น “ตัวเลขที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น สธ.ของไทย อยู่ระหว่างการตรวจสอบความชัดเจนของรายงานข่าวดังกล่าวจากทางการพม่า
และองค์การอนามัยโลก” ระหว่างนี้ข้อเท็จจริงต่างๆ ก็พรั่งพรูออกมาตามสื่อเสรี ‘โซเชียลมีเดีย’
จากข่าวรอยเตอร์ระบุว่าสาธารณสุขเมียนมาร์ประกาศเมื่อ
๑๙ มิ.ย.พบผุ้ติดเชื้อไวรัสโควิดใหม่อีก ๒๓ คน เป็นชาวพม่าถูกผลักออกจากมาเลเซีย ๔
คน และไทย ๑๙ คน ตั้งแต่วันที่ ๘ มิ.ย. “หลังจากถูกจับกุมฐานละเมิดวีซ่า
และกักขังไว้ที่ศูนย์กักตัว” ใกล้ชายแดนแม่สอด จังหวัดตาก
มีรายละเอียดเพิ่มเติมด้วยว่า
๒๓ คนที่ถูกผลักกลับพม่านี้ มาจากที่ตรวจพบเชื้อ ‘ COVID-19 Positive’ ที่ด่าน ตม.สงขลา
ระหว่างการกักตัว “เนื่องจากเอกสารการเดินทางไม่ครบถ้วน...ทั้งหมดถูกส่งกลับถึงด่านเมียวดี-แม่สอดตั้งแต่วันที่
๘”
จึงเป็นที่วิจารณ์กันหนักว่าระวังให้ดีทั้งที่แม่สอดและสงขลา
บ้างแนะว่าการสุ่มตรวจเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเช่นที่ทำมาอาจไม่พอ
ต้องทำการตรวจดะในพื้นที่เสี่ยงแบบที่เยอรมนีและไต้หวันทำ
เลยช่วยไม่ได้เมื่อการวิพากษ์ไปกันใหญ่ ว่าที่เจอน้อยเพราะไม่ค่อยตรวจ
‘Somehow’ ประธานาธิบดีสหรัฐงับไอเดียไปใช้
“ตรวจน้อยๆ หน่อย จะได้ไม่ค่อยเจอ” เฮียทรั้มพ์เค้าพูดปาฐกถาระหว่างรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งนัดแรก
ไม่ฟังเสียงค้านเสียงเตือนของผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ ว่าการชุมนุมคนนับพันๆ
ในที่ปิดเช่นนั้น ‘เสี่ยง’
ข่าวเอเอฟพีว่าไม่รู้ทรั้มพ์ถ่มออกมาเพราะเอาใจพวกฐานเสียงประเภทระห่ำ
หรือว่าด้วยก้นบึ้งแห่งจิตสำนึกเขาเป็นเช่นนั้นเอง
เมื่อบอกว่าการตรวจหาเชื้อโควิด-๑๙ แบบกวาดให้ทั่วนั้น “เป็นดาบสองคม” ในเมื่ออเมริกาทำการตรวจมากกว่า
๒๕ ล้านราย
“นี่เป็นส่วนที่ไม่ดี” ทรั้มพ์ว่า “เมื่อทำการตรวจจำนวนมากขนาดนั้น
มันก็ต้องเจอคนป่วย คนที่ติดเชื้อจำนวนมากขึ้นน่ะสิ” นี่นะระดับวุฒิปัญญาประธานาธิบดีอเมริกันคนนี้
“ผมเลยสั่งเจ้าหน้าที่ของเรา เฮ้ยเพลาๆ มือกันหน่อย” เค้าว่า
(https://news.yahoo.com/trump-admits-urging-covid-19-responders-slow-testing-014413968.html
และ https://www.innnews.co.th/world-news/news_704638/)
ไม่ว่ากรณีไหนไทยหรืออเมริกา ‘โคโรน่าไวรัส’ มาเปิดช่องให้พวกผู้เผด็จการฉวยโอกาสกระชับอำนาจกันมากขึ้น
รายงานอันนี้เขาเน้นประเทศที่ไม่ค่อน ‘อิน’ กับประชาธิปไตยเท่าไรนัก รวมทั้ง ‘ไทย’ ถึงตอนนี้ไม่รู้ไงทรั้มพ์เอาบ้าง
สงสัยกำลัง ‘depressed’ เก็บกดหนัก ไหนจะเจอ ‘รีพับลิกัน’ ที่ยังมีจิตสำนึกประชาธิปไตย ไม่ว่าจ๊อร์จ ดับเบิ้ลยู มิตต์ รอมนี่ย์
กระทั่งลินซี่ย์ แกรมม์ ประกาศแล้วรับไม่ไหว
ไหนจะโดนลูกน้องเก่าเปิดโปงความเห็นแก่ตัวเองมากกว่าชาติ
โดยเฉพาะการดึงดันเปิดชุมนุมหาเสียงที่ทุลซ่า
โอกลาโฮม่า จนได้ไม่สนโควิด คนไปร่วมน้อยกว่าที่คาดหวังมาก ก็ ‘ดั๊น’ อีกนิ ให้ผู้สมัครเข้าร่วมเซ้นสัญญาจะไม่เอาเรื่องหากติดโควิดกลับบ้าน
คนกล้าเสี่ยงตายอย่างนั้นเลยน้อยลงไป