วันเสาร์, มิถุนายน 20, 2563

ส.ส.สาย กปปส.อ้างต้องไล่ “ไอ้ห้อย ไอ้โหน ไอ้เห็บ ไอ้เหา” ในพรรครัฐบาล


มันเป็นไปตาม (กอบ) กำ บรรดา ส.ส.ที่มาจาก กปปส.ไม่ว่าจะอยู่พรรคไหน เคลื่อนไหวรวมศูนย์เข้าสู่พลังประชารัฐ ยามที่ สี่กุมารถูกส่งไปอยู่ แถวหลัง(หรือกระทั่ง นอกแถว ต่อไปก็ได้ ใครจะรู้) ผลที่เกิดจะมีแต่นักการเมือง ห้อยโหน-ก๊กก๊วน เต็มรัฐบาล

ก่อนอื่น ๒ พรรคเล็ก (จากสิบพรรคเอื้ออาทร) กำลังขาขวิดวิ่งเข้า พปชร. นัยว่าได้กินประจำย่อมดีกว่า เพอร์เดียมจ่ายตามชิ้นงาน เอาอย่างความสำเร็จของ ไพบูลย์ นิติตะวัน ซึ่งยุบพรรคตัวเองไปเป็นประชารัฐ ตอนนี้โตวันโตคืน

พรรคครูไทยกับพลังชาติไทยซึ่งต่างมี ส.ส.คนเดียว กำลัง “อยู่ในขั้นตอนของกระบวนการ” ไปเข้า พปชร.บ้าง ขณะที่อีกพรรคเล็กลิ่วล้อรัฐบาล พลังท้องถิ่นไทของ ชัช เตาปูน ดูด ส.ส.อนาคตใหม่มาได้ ๒ คน รวมเป็น ๕ มากกว่าชาติพัฒนาของ ลิปตพัลลภ
 
ชัชวาลล์ คงอุดม รอเป็นรัฐมนตรีมานานแล้วเพิ่งจังหวะปะเหมาะ อ้าง “พรรคชาติพัฒนาที่มีส.ส. ๔ คน แต่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ” ท้องถิ่นไทควรได้บ้าง เล็งมหาดไทยกับเกษตรฯ แค่ รมช.ก็พอ แจงสรรพคุณ “ไม่เคยแตกแถว” นะ

ทางด้านประชาธิปัตย์ที่มี กปปส.อยู่คลั่ก พยายามยึดพรรคมาแล้วไม่สำเร็จ เมื่อ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค พ่าย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และพีระพันธ์ก้ไปได้ดีที่ พปชร. เป็นถึงที่ปรึกษานายกฯ แล้วยังเป็นตัวจับวางรอนั่งหัวหน้าพรรคในอีก ๖ เดือนข้างหน้า

อาทิตย์ที่แล้วมี ส.ส.ปชป.๖ คน ไปนั่งกินข้าวกับพีระพันธ์ในห้องทำงานตึกบัญชาการ ๑ ทำเนียบรัฐบาล เป็นข่าวฮือฮามาก สามคนที่เป็นตัวเอ้ได้แก่ รังสิมา รอดรัศมี เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ และบุณย์ธิดา แนน สมชัย
 
อาทิตย์นี้กลุ่มของ แม่เลี้ยงติ๊กเอาบ้าง ชวนกันไปกินกลางวันกับที่ปรึกษาซึ่งนายกฯ ไว้วางใจให้ไปร่วมทีมทำแผนฟื้นฟูการบินไทย มีทั้งภาคเหนือภาคใต้รวม ๕ คน ได้แก่ ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู วิรัตน์ วิริยะพงษ์ และวิทยา แก้วภราดัย เป็นอาทิ

ส.ส.เหล่านั้น โดยเฉพาะพวกหัวหน้าทีมล้วนมีเป้าหมายตำแหน่งรัฐมนตรี เมื่อมีการปรับ ครม.ครั้งสำคัญหลังจากเลือกกรรมการบริหารพรรค พปชร.ให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้าไปเป็นหัวหน้าแล้ว โดยมีข่าวลือเล็ดรอดออกมาดังลั่น

ว่า พี่ป้อม จะอยู่ควบคุมสถานการณ์เปลี่ยนผ่านเพียงแค่ ๖ เดือน ให้ปัญหา ก๊กก๊วนสงบลงแล้วจึงให้ตัวจริงที่จัดวางไว้แต่ต้นคือ พีระพันธ์เข้าสวม แหล่งข่าวน่าจะวงในเชื่อถือได้ของกรุงเทพธุรกิจ เครือเนชั่น ยันว่าตอนนี้ยังหน้าสิ่วหน้าขวานอยู่

ถึงแม้ ภาพลักษณ์ของพีระพันธ์ใช้ได้ แต่ “อย่าลืมว่าพีระพันธุ์มาจาก” ปชป. รู้จักมักคุ้นกันดีกับณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กปปส.ตัวพ่อง “หากโผล่มานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค พปชร.ทันที บรรดากลุ่ม-ก๊ก-ก๊วน อาจจะต่อต้านมากกว่าเดิม”

แม้นว่าทางเลือกกรณีพี่ป้อมขัดตาทัพรอน้องตู่เป็นเอง จะได้เล่นการเมืองแบบมีเลือกตั้งเต็มสตีม และลูกพรรคเสือสิงห์กระทิงแรดยำเกรง จะฟังไม่ขึ้นเพราะไม่เห็นจำเป็น แต่มันสะท้อนความย้อนแย้งแห่งการเข้ามายึดอำนาจของคณะทหาร

ว่าแท้จริงแล้วพวก คสช.จ้องยึดอำนาจแต่ต้น โดยมี สุเทพ เทือกสุบรรณ และ กปปส.เป็นใส้ศึกก่อเหตุวุ่นวาย ด้วยความสนับสนุนของชนชั้นนำที่ไม่พอใจ ชินวัตรกับแรงดันหนักหน่วงของ พธม.ซึ่งท้ายสุดกลายเป็น ถูกหลอกใช้

เป็นที่ประจักษ์ในที่สุดว่าการเข้ามาเป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้งของพี่น้อง สามป. และทีม คสช.ใช้ทั้งเล่ห์กลและมนต์คาถา ไม่ว่าการดูดอดีต ส.ส.ด้วยข้อแลกเปลี่ยน ยกยอดคดีความมั่นคงให้ กับการสอดไส้รัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกไว้ด้วยส่วนที่ทำให้ ได้เปรียบ

มุ่งมั่นคุมกำเนิดการเมืองไทยให้อยู่ในอุ้งมือพวกตน โดยไม่ต้องกังวลว่ากระเป๋าเงินของชาติจะแห้งลงๆ แล้วยังการเมืองเต็มไปด้วยความเสื่อมทราม ยิ่งเสียกว่าข้ออ้างที่พวกตนใช้เพื่อการยึดอำนาจ ทุกวันนี้มันกลับมาเกิดเป็นดอกเห็ดภายใต้การครองเมืองของ คสช.๒

คำว่า “ไอ้ห้อย ไอ้โหน ไอ้เห็บ ไอ้เหา” ซึ่งกลุ่ม “ไอ้ห้อย ไอ้โหน ไอ้เห็บ ไอ้เหา”ในพรรคประชาธิปัตย์ใช้อ้างเพื่อ “เตรียมลู่ทางไปร่วมงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐในอนาคต” มันบ่งบอกตัวตนของคณะทหารที่ยึดอำนาจรัฐเพื่อเข้ามาเล่นการเมืองกันเสียเอง