ไหมล่ะ ว่าแล้วเชียว ‘ฝนหลวง’ ไทยต้องให้ฟ้าโปรด
ชั้นบรรยากาศอำนวยจึงจะทำได้
เมื่อวาน (๑๗ มกรา) ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออก
ที่อู่ตะเภา บอกว่า เตรียมบินขึ้นไปทำให้เกิดฝนตกลงมาชะล้างฝุ่นละอองพีเอ็ม ๒.๕
แล้วเชียว
แหม่ กลับพบว่า “มีค่ายกตัวของกลุ่มเมฆค่อนข้างน้อย
ไม่พัฒนาตัวที่ดีพอที่จะตกกลายเป็นฝนได้” แถมความชื้นสัมพัทธ์ในชั้นบรรยากาศที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้เกิดฝนได้
ดันมีไม่เพียงพอเสียอีก
แต่ไม่เป็นไร ฝนหลวงเสียอย่างมีทางแก้ ศูนย์ฯ
เผยไต๋ว่าจะใช้เท็คนิคขั้นสองเข้าไปจัดการ โดยจะขนสารทำฝนหลวงบินขึ้นไปปล่อยในชั้นบรรยากาศ
เสริมเมฆ “เลี้ยงให้อ้วน” ไว้ก่อน อิ่มหมีพีมันดีแล้ว เดี๋ยวก็จะได้ผล
ส่วนนักวิชาการภาคพื้นดิน คณะวิศวกรรมศาสตร์จุฬาฯ
ให้ความรู้ว่า “ฝนตกไม่หนัก
ฉีดน้ำไม่ทั่ว ลด PM2.5 ไม่ได้จริง ต้องฉีดน้ำพร้อมกัน ๓๐,๐๐๐ จุดทั่ว #กรุงเทพฯ” จึงจะชะล้างได้หมดจด ลด PM2.5 ลงได้จริง ข่าวเวิ้ร์คพ้อยท์เขาว่างั้น
รศ.ดร.ศิริมา ปัญญาเมธีกุล ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม บอก “ไอ้ฝุ่น
๒.๕ นี่มันเล็ก ๒๐ เท่าของเส้นผม” ฝนต้องตกหนักจริงๆ
แบบไม่ลืมหูลืมตาจึงจะชะฝุ่นลงมาได้ แต่ถ้าจะฉีดแบบอินเดีย ทางวิศวกรรมทำได้
แต่ต้องฉีดอย่างแรงและเร็วชนิดเจ็ต (Jet) ให้ละอองน้ำเล็กกว่า ๒.๕ เพื่อไปเกาะฝุ่นตกลงมา
การฉีดน้ำด้วยเครื่องไม่ใช่เจ็ตแบบที่ กทม.ใช้
ซึ่งจะเกาะเฉพาะฝุ่นใหญ่ไม่ติดฝุ่น ๒.๕ ให้หล่นลงมาได้
แต่ก็ยังดีทำให้อากาศสะอาดขึ้นบ้าง หากจะทำให้ได้ผลจริงด้วยเครื่องฉีดที่ กทม.มีอยู่ คำนวณแล้ว
กทม.ต้องทำการฉีด ๓ หมื่นจุดพร้อมๆ กันทั่วกรุงเทพฯ นั่นละ
