ฟังนักการเมืองในคราบรัฐมนตรีเขาว่ามะ นายกอบศักดิ์
ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปเปิดป้ายสาขาพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่บางแค
แล้วโฆษณาชวนเชื่อหาเสียงในฐานะโฆษกพรรค
“ทั่วประเทศจะได้ ส.ส.เขตเกิน ๑๕๐ ที่นั่ง จากเดิมที่เป็นพรรคโนเนม
แต่ตอนนี้เราเป็นพรรคการเมืองตัวเต็ง” ไม่ต้องถามว่าทำไมถึงเต็ง
ทั่นโฆษกพรรครัฐบาล คสช. บอกเอง
“ประชาชนคนไทยชอบ ๔
ปีที่ผ่านมา ที่มีความสงบไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความรุนแรง
ไม่ต้องมากังวลว่าจะมีการเดินขบวนที่ใด และไม่ต้องกังวลว่าจะมีระเบิดลงหรือไม่”
ก่อนหน้านี้วันเดียว เมื่อเวลา ๒๐.๓๐ น. วันที่ ๑๘ ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด
ยิงถล่มใส่วัดรัตนานุภาพ บ้านโคกโก หมู่ที่ ๒ ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส”
ทำให้มีภิกษุมรณภาพ ๓ รูป และบาดเจ็บสาหัสอีก ๑ รูป ด้วยน้ำมือของ
“คนร้ายจำนวนกว่า ๑๐ คน
แต่งกายชุดดำคล้ายทหาร ขี่รถ จยย.เป็นพาหนะ บุกเข้าไปภายในวัดรัตนานุภาพ
หรือวัดโคกโก แล้วได้กระจายกำลังใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มใส่กุฏิพระ”
ทั้งนี้ พระมหาไพรวัลย์
วรรณบุตร แห่งวัดสร้อยทอง ประณามโจรใต้ผ่านเฟซบุ๊กว่า “การกระทำดังกล่าว
ถือเป็นการกระทำที่อุกอาจและเลวร้ายเกินวิสัยของมนุษย์ที่ยอมรับได้ เขตพุทธวาส
ถือเป็นเขตอภัยทาน และพระสงฆ์ที่มรณภาพ ล้วนเป็นผู้ปราศจากอาวุธ”
อีกทั้งพระรูปหนึ่งที่มรณภาพ ‘พระครูประโชติรัตนานุรักษ์’ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาส “ท่านเป็นพระนักพัฒนา
ที่วัดท่านไม่มีการปลุกเสกวัตถุมงคล เน้นการปลูกต้นไม้รอบวัด
ใช้ลานวัดเป็นสถานที่อบรมธรรม งานบุญห้ามเล่นการพนันและดื่มเหล้าเด็ดขาด”
(https://www.dailynews.co.th/crime/688553, https://www.dailynews.co.th/crime/688543 และhttps://www.dailynews.co.th/crime/688548)
เช่นนี้ ในฐานะรัฐมนตรีกอบศักดิ์ทำหน้าที่อย่างขาดความรอบรู้และปิดหูปิดตาต่อเหตุการณ์บ้านเมือง
ในฐานะโฆษกพรรคการเมืองก็เท่ากับเขาโฆษณาหาเสียงด้วยความเท็จ น่าจะผิดระเบียบการเลือกตั้งที่
กกต.กำหนดให้ปฏิบัติ ๙ ข้อ
ดังนั้น จัดว่า กอบศักดิ์ ภูตระกูล ‘failed miserably’
ล้มเหลวไม่เป็นท่าเลยทีเดียวต่อการที่ดึงดันยืนถ่างขาคาบอยู่ทั้งสองตำแหน่ง
แต่ด้วยความเจ้าเล่ห์และเอารัดเอาเปรียบ เขาตอบคำถามผู้สื่อข่าวเรื่อง
“ตั้งแต่เปิดตัวเล่นการเมืองถูกโจมตีเป็นระยะกรณีที่ไม่ลาออก” จากการเป็น
รมว.
ว่า “การที่ยังไม่ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีถือว่าเสียเปรียบพรรคการเมืองอื่นด้วยซ้ำ
เพราะคู่แข่งสามารถไปได้ทุกท้องที่ทุกเวลา แต่ตนต้องดำเนินกิจการพรรคหลังเวลาราชการไปแล้ว”
เป็นอันว่าการ ‘ปลิ้นปล้อน’ นี่เป็นพฤติกรรมประจำตัวของโฆษกพรรค คสช. ทั้งสายทหารและสายการเมือง