วันพฤหัสบดี, มกราคม 17, 2562

รออีก ๒-๓ ปี รถไฟฟ้าสร้างเสร็จลดปัญหาฝุ่นละอองได้ :วิสัยทัศน์ขาดแคลน วุฒิภาวะต่ำตม ของรองหัวหน้า คสช.


พวกหัวๆ ของ คสช.นี่ นอกจากขาดแคลนวิสัยทัศน์แล้วยังต่ำตมทางวุฒิภาวะอีกด้วย ตัวหัวหน้าชอบทำจำอวดในที่สาธารณะก็เหลือทนแล้ว พี่ใหญ่ตัวรองจะตอบคำถามเรื่องกิจการบ้านเมืองอะไร ไม่รู้ข้อเท็จจริงก็ใช้เล่นลิ้นเอา

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเรื่องระเบิดโรงแรมดุสิตธานีดี ๒ ในเคเนียที่ว่า ทำไมผู้ก่อการร้ายถึงได้พุ่งเป้ามาที่โรงแรมของไทย ทั่นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงตอบว่า “ก็ไม่รู้สิ อาหารอร่อยมั้ง”
 
ยังมีอีก ต่อกรณีปัญหาวิกฤตสภาพบรรยากาศในกรุงเทพฯ มีฝุ่นละอองขนาดจิ๋วจำนวนมากเกินความปลอดภัยของสุขภาพประชากร ซึ่งในทางวิชาการยอมรับว่าเกิดจากการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่จำนวนมาก โดยเฉพาะการขุดอุโมงก์สำหรับรถไฟฟ้าทำให้ฝุ่นละอองคลุ้งทั่วกรุง

นอกจากนั้นยังมีปัญหาสะสมของอากาศพิษจากท่อไอเสียรถยนต์ที่ล้นกรุงเทพฯ จำเพาะอย่างยิ่งอีกว่าเครื่องยนตร์ดีเซลเป็นตัวการสำคัญ

รายงานโดย ไอลอว์ที่เว็บเพจ ไอสเปช(http://www.ispacethailand.org/political/17717.html) นำเสนอ ระบุว่า คสช.ใช้อำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา ๔๔ ออกคำสั่งที่ ๔/๒๕๕๙

“เปิดทางให้เอกชนสามารถตั้งโรงงานหลายประเภท เช่น โรงงานเผาขยะ โรงงานไฟฟ้า โดยไม่ต้องสนใจกฎหมายและกฎระเบียบใดใด”
 
การยกเลิกกฎหมายและข้อกำหนดต่างๆ ในการจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมหลายชนิด รวมถึง โรงเผาขยะ และโรงไฟฟ้า โดยอ้างการแก้ไขปัญหาความต้องการพลังงานไฟฟ้า และการทำลายขยะจากปัญหาขยะที่ล้นเมือง” เป็น “แหล่งที่มาของฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่

กรุงเทพมหานคร หลักๆ” ๕ อย่าง คือ การเผาชีวมวล ๓๕.๕% ไอเสียดีเซล ๒๐.๘% ฝุ่นทุติยภูมิ (ไอเสีย+แอมโมเนีย) ๑๕.๘% และจากโรงงาน ๓.๔% นอกนั้นจากสาเหตุอื่นๆ ๒๔.๕%

ครั้นนักข่าวถามรองหัวหน้า คสช. รมว.กลาโหม และรองนายกรัฐมนตรี (คนเดียวกินเงินเดือนสามทาง) เกี่ยวกับปัญหาฝุ่นละอองที่เกิดจากการก่อสร้างในกรุงเทพฯ คนยิ่งใหญ่ในบ้านเมืองตอบว่า

เชื่อว่าหากการก่อสร้างรถไฟฟ้าหลายสายเสร็จสิ้นในห้วง ๒-๓ ปี จะช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองได้”


เป็นการพูดอย่างไร้วุฒิภาวะ หนักเสียยิ่งกว่าอธิบดีกรมควบคุมมลพิษที่เคยบอกว่า กทม.ทำการฉีดน้ำและรัฐบาลทำฝนเทียมแล้ว อีกสองสามเดือนปัญหาก็จะหมดไป หาคิดได้ไม่ว่าฝุ่นละอองที่เป็นพิษจะยังคงติดอยู่ตามต้นไม้ อาคาร และผืนดินอีกนาน กว่าชีวิตของพวกผู้บริหารบ้านเมืองเหล่านี้เสียอีก