วันอาทิตย์, มกราคม 13, 2562

มลพิษฝุ่นละอองใน กทม. ถึงขั้นวิกฤต แต่ยังแก้ปัญหาด้วยการพ่นน้ำเป็นครั้งคราวกันอยู่

บ่นกันมาหลายวันแล้วเรื่องค่าฝุ่นละอองขนาดจิ๋ว (พีเอ็ม ๒.๕) ในบรรยากาศครอบคลุมกรุงเทพมหานคร เกินมาตรฐานความปลอดภัย เช้านี้วันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุด รถราไม่อึกทึกชุลมุนเหมือนวันธรรมดา

ปรากฏว่าค่าฝุ่นแดงเถือกทั่วกรุงไม่ว่าจากกร๊าฟฟิคแหล่งไหน เช่นของ Air Quality Index (AQI -http://aqicn.org/city/bangkok/m/) ที่ Thidakarn @thidakarn และ Supinya Klangnarong @supinya นำมาทวี้ตแจ้งปริมาณสูงสุดที่สะพานควาย ค่า ๓๙๔ และ ๓๗๔

นี่เข้าขั้น ‘Hazardous’ เป็นพิษร้ายแรงทีเดียว ส่วนที่ Jonathan Head @pakhead ทวี้ตซ้ำของ Dan Fieller @iDanThaiFie เฉลี่ยที่ ๑๙๑ นั่นก็เป็นสองเท่าของอัตราอันพอควร เรียกว่า ‘Unhealthy’ ไม่ดีต่อสุขภาพ
 
Thidakarn เตือนว่า “สถานการณ์ PM 2.5 ในกทม.เช้านี้ แดงเกือบทั้งเมือง สะพานควายพุ่งไปที่ 394 เลี่ยงออกกำลังกลางแจ้ง ปิดหน้าต่าง เปิดเครื่องกรองอากาศ รักษาสุขภาพนะคะ😷😷😷 #มลพิษทางอากาศ” ทำนองเดียวกัน Dan Fieller บอก “Not often that #Bangkok’s #AirQuality has been quite this bad w/ PM 2.5 levels above 190, unhealthy” เขาจะไม่ออกไปวิ่งนอกบ้านเช้านี้แน่นอน

โดยมี Jonathan Head เสริมว่าค่า ๑๙๑ นั้น “ขึ้นเป็นสองเท่าในพื้นที่บางส่วนของนคร ผมไม่เคยเห็นปัญหาคุณภาพอากาศอย่างนี้มาก่อนเลย มันเกิดจากสภาพดินฟ้าอากาศ ควันรถยนต์ และ (ฝุ่น) จากการก่อสร้าง...ทั้ง ๓ อย่างรวมกันหรือไร”

ด้าน Supinya Klangnarong บ่นว่า “อากาศ กทม.แย่มากแล้วจริงๆ แต่เหมือนไม่มีการเตือนประชาชนอย่างจริงจัง​เลย เห็นใจคนทำงานกลางแจ้ง รปภ. คนขับรถเมล์ร้อน พ่อค้าแม่ขาย เด็กๆ คนชรา รัฐและ เอกชนควรมีมาตรการส่งเสริมให้ประชาชนป้องกันตนเอง น่าจะเข้าข่ายเขตภัยพิบัติ​ได้แล้ว”

สำนักข่าวไทย อสมท @TNAMCOTเตือน! เช้านี้ ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน ยังคงปกคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ พื้นที่น่าห่วงหนัก คือ • เขตสาทร • เขตจตุจักร • เขตธนบุรี” เช่นเดียวกับ JS100 @js100radioRT@Attapol22294740 ค่าฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยังคงเกินค่ามาตรฐานหลายพื้นที่”

กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รายงานสภาพอากาศว่า อากาศยังคงลอยตัวไม่ดี สภาพอากาศปิด มีเมฆเป็นส่วนมากและมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาหลายพื้นที่...ปริมาณฝุ่นละอองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย” แต่กลับแสดงค่าฝุ่นละอองพีเอ็ม ๒.๕ ว่า

“เกินมาตรฐาน” ๕๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถึง ๑๙ พื้นที่ริมถนนสายหลัก ส่วนพื้นที่ห่างจากริมถนนออกไปก็มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานถึง ๑๗ พื้นที่ จึงได้ฟันธงว่า “คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับ 'เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ'
 
ไม่เท่านั้น “คาดการณ์ว่าคุณภาพอากาศในวันที่ ๑๔ มกราคม” จะแย่ขึ้นไปอีก จึงได้ประสานงานกับ กทม. “ดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไข...” โดย กทม.กำชับทุกเขตให้ทำการกวาดถนนล้างถนน “อย่างเข้มงวดทุกวัน

พร้อมทั้งจัดอุปกรณ์ฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง ตรวจวัดควันดำ และรณรงค์ลดฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง” นอกจากนั้น “คพ. ได้ประสานกับกรมฝนหลวงฯ ซึ่งได้มีการตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็วเพื่อพร้อมปฏิติการในวันที่มีสภาพอากาศเอื้ออำนวยในการทำฝนเทียม” ด้วย


ไม่แน่ใจนักนะว่ามาตรการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเหล่านั้นจะได้ผลลดมลพิษได้ในระยะยาว เมื่อสองสามเดือนที่แล้วก็เห็นมีข่าว กทม. นำรถฉีดน้ำออกพ่นไอน้ำเพื่อกำจัดฝุ่นละอองตามถนนหนทาง มาถึงวันนี้ยังปรากฏว่าค่าฝุ่นที่เป็นภัยต่อสุขภาพถึงขั้นวิกฤตจนได้

โดยเฉพาะการทำฝนเทียมถ้ายังต้องรอเวลาที่ “สภาพอากาศเอื้ออำนวย” อยู่อีกละก็ ไม่ใช่หนทางแก้ไขที่ ยั่งยืน แน่ๆ กระบวนการแก้มลพิษใช่ว่าจะทำได้ภายในอาทิตย์หรือเดือน แม้แต่เป็นปี

มลรัฐแคลิฟอร์เนียใช้เวลา ๒๐ ปี จนทุกวันนี้กลายเป็นพื้นที่เกือบปลอด สม็อก รัฐบาล คสช.มีความทะเยอทะยานสูงอยากครองเมืองนานถึง ๒๐ ปี แต่ว่าตอนนี้อยู่มาจะ ๕ ปีแล้ว ยังไม่ได้เริ่มอะไรที่เป็นทางป้องกันสภาพบรรยากาศเป็นพิษสักนิดเดียว

ทั้งรัฐบาล คสช. และ กทม. ซึ่ง คสช.ส่งคนของตนเข้าไปเป็นผู้บริหารตั้งแต่ตัวผู้ว่าฯ ลงมา น่าจะได้ริเริ่มกระบวนการแก้ปัญหาด้วยเครื่องมือทางนิติบัญญัติตั้งนานแล้ว ผ่านทาง สนช. สภา กึ่งห้าร้อย ที่ตั้งโดย คสช. ให้ไปนั่งหลับกินเงินบำเหน็ดกัน

ถึงกระนั้นก็ยังมีเวลาจากการ ยืดเลือกตั้ง อีกอย่างน้อยสองสามเดือน ลองขยับทำอะไรให้เป็นผลแก่ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนสักครั้ง แสดงความ วิเศษทางนิติบัญญัติให้เห็น เหมือนกับที่เคยผ่านกฎหมายอะไรต่อมิอะไร ช่วยพวกเรา มาแล้วนั่น

หากเริ่มเสียแต่วันนี้ อีก ๒๐ ปีเห็นผล ประชาชนจะได้ไม่ เสียของ ไปกับ คสช.