วันอังคาร, มกราคม 15, 2562

อีกทฤษฎี 'เลื่อนเลือกตั้ง' ไปเป็น ๙ พ.ค.หลังพระราชพิธีฯ นั่นเลย ไม่งั้นถ้าพลังประชารัฐไม่มาก้อบ้อท่า ‘ขยับไม่ออก’


ต่อการที่กำลังพลสายเห่า ‘Howl’ ของ คสช. ดาหน้ากันออกมาสาดใส่ประชาชนฝ่ายอยากเลือกตั้งไวๆ ดุจดังพ่นห่ากระสุนใส่ และ วาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหารรุ่นเก๋าบอกว่าเป็น สัญญานนั้นน่ะ

ก่อให้เกิดการตีความไปต่างๆ นานา ส่วนใหญ่ไม่งามนักต่อภาพลักษณ์แห่งระบอบประชาธิปไตยไทย (อันมีสถาบันกษัตริย์อยู่เหนือสุด) วาสนาไม่ได้เสนออะไรมากไปกว่ารายละเอียดคำพูดแต่ละคนที่จ้วงจาบพวกเรียกร้องไม่ให้เลื่อนเลือกตั้ง ได้แก่

โฆษก ทบ. พ.อ.วินธัย สุวารี ว่า “มีคนสั่งมา” “อารมณ์ประชาธิปไตยไม่เหมาะควร” และ “วุฒิภาวะบกพร่อง” โฆษกกลาโหม พลโท คงชีพ ตันตระวาณิชย์ จวก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส โดยตรงว่าใช้คำก้าวร้าว หยาบคาย ควรสร้างสรรค์ รักษาความสงบ เพราะปีนี้สำคัญ “ทั้ง พระราชพิธีฯ-การเลือกตั้ง-ประธานอาเซี่ยน”

ล่าสุด โฆษก บก.กองทัพไทย พล.ต.กฤษณ์ จันทรนิยม เตือน “ขออย่าได้นำกองทัพไปเป็นคู่ขัดแย้งกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือกลุ่มที่มีเบื้องหลังหวังผลยั่วยุให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวาย หรือความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง”

พูดให้ตีความว่าเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐประหารและ คสช. แต่ความกำกวมทำให้หมายถึงพวกที่ออกมาเป่านกหวีดปิดกรุงเทพฯ ขัดขวางการเลือกตั้ง ใช้ความรุนแรง (คงจำกองกำลังรักษากรวยของสมีฟรีดอมกันได้) ก่อกวนให้เกิดภาวะวุ่นวายไม่สมานฉันท์จน ผบ.ทบ.ครั้งนั้น (นายกรัฐมนตรีครั้งนี้) ประกาศ “ถ้างั้นผมยึดอำนาจ” ก็ได้

โฆษกกองทัพฯ ไปไกลกว่าคนอื่นหน่อยตรงที่ยืนยันว่า “การจัดการเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นตามที่ รัฐธรรมนูญ กำหนดในกรอบ ๑๕๐ วัน คือไม่เกินวันที่ ๙ พ.ค.” ซึ่งก็ตีความได้อีกว่า เครือข่าย คสช. (ราชกฤษฎีกา และ กกต.) จะประกาศวันเลือกตั้งเป็น ๙ พฤษภาคม ก็ได้เช่นกัน


จากการวิเคราะห์ คาดหมาย และทำนาย ตามสื่อต่างๆ เชื่อได้ว่าวันเลือกตั้งที่ คสช. เคาะแล้วแต่ยังไม่ประกาศ จะเป็นวันที่ ๒๔ มีนาคม คือเลื่อนไปอีก ๑ เดือน

แต่ถ้าความเห็นของคณะกรรมการเลือกตั้งที่กลัวจะหมิ่นเหม่กรอบ ๑๕๐ วันเกินไป เดี๋ยวใครไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญแล้วจะทำให้การเลือกตั้งโมฆะ ก็อาจจะขยับร่นมาเป็นวันที่ ๑๐ มีนาคม

อย่างใดอย่างหนึ่ง ทำให้การเลือกตั้งไม่ตรง (ก่อน) กำหนดพระราชพิธีฯ และมีเวลาอีก ๖๐ วันค่อยประกาศผลเลือกตั้งหลังเสร็จพระราชพิธีไปแล้ว ต้นๆ หรือกลางกรกฎา คมขำสวยงามรับกับใบหน้าคณะทหารนักยึดอำนาจ

และตัวหัวหน้าที่โชคชะตา (คำโหร) ความทะเยอทะยาน (คำตัวเองที่พูดนักพูดหนาว่าไม่อยากเป็นนั่นละ) และความรักชาติรักราชบัลลังก์ (คำตัวเองอีกเหมือนกัน ในเมื่อหาคำอื่นเก๋กว่ามาแทนไม่ได้) แม้นไม่ค่อยนึกถึงประชาชนโดยรวมสักเท่าไร

แท้จริงต้นตอของปัญหา ต่อการเลื่อนไปเลื่อนมา เปลี่ยนนั่นเปลี่ยนนี่ อยู่ที่ ฟ้า ซึ่งขณะนี้ระบมไปด้วยฝุ่นละอองขนาดจิ๋ว อันสามารถฝังพิษไว้ภายในร่างผู้คนที่สูดเข้าปอดทุกวัน จนกลายเป็นภัยต่อสุขภาพมวลรวมในอนาคตอันใกล้ได้

ฟ้าลิขิตให้ บิ๊กตู่ได้ดิบได้ดีจนมาเป็นหัวหน้า คสช. และจะเป็นหัวหน้ารัฐบาลภายหลังจากการเลือกตั้งอีก นี่ตามคำของโหร ของตนเอง และของลิ่วล้อ (อย่าง วันชัย สอนศิริ และไพบูลย์ นิติตะวัน ส่วน สุเทพ เทือกสุบรณ และสมศักดิ์ เทพสุทิน นั่น เขี้ยว ไปหน่อย น้ำหนักน้อยกว่า)

ประจวบด้วยการวิเคราะห์ประเด็นใหม่ที่ มติชนนิวส์รูมทายทักไว้ว่า  อาจจะมีการ เปลี่ยนแผนการกลับมาเป็นนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากแทนที่จะเป็นการเสนอชื่ออันดับหนึ่งในสามโดยพรรคพลังประชารัฐ (ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๘๘)

ก็จะไม่มีการเสนอชื่อ แต่รอให้ถึงกระบวนการตั้งรัฐบาลแล้วจึง มีการเสนอให้ไปเป็น นายกฯ คนนอก ตามบทเฉพาะกาล มาตรา ๒๗๒ แทน เนื่องจาก “หากเดินตามแผน A จะทำให้บิ๊กตู่กลายเป็นเป้าใหญ่ ถูกรุมถล่มหนักกว่าเดิม และกระแสเรียกร้องให้ลาออกจากนายกฯ จะแรงขึ้น”

ดังนั้นหนทาง ชัวร์คือรอให้เลือกตั้งเสร็จสรรพ ไม่ว่าคะแนนจะออกมาอย่างไร ไม่มีทางฝ่ายตรงข้าม คสช.จะรวมหัวกันตั้งรัฐบาลเองได้ เพราะมีสมาชิกสภาที่เป็นเสียงของคณะทหารในการโหวตเลือกนายกฯ อยู่ในวุฒิสภาแล้ว ๒๕๐ คน

แม้นว่า “พปชร. และพันธมิตร ต้องไม่เพียงได้ส.ส.แค่ ๑๒๖ เสียงเพื่อดันบิ๊กตู่เป็นนายกฯ คนนอกได้เท่านั้น แต่ต้องให้เกิน ๒๕๐ เสียงให้มากที่สุด” สำหรับรองรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจและการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณ ที่ สว.ไม่มีสิทธิออกเสียงด้วย


ทว่าปัญหานั้นแก้ไม่ยาก “โดยปลุกตำนาน งูเห่า ดึงเสียงเข้ามาหนุนได้” ซึ่งมติชนไม่ได้แจงละเอียดว่ามีตัวเต็งพรรคการเมืองที่ เซ็กซี่ในเรื่องนี้อยู่ เป็นที่หมายตาของพลัง คสช. ขอมาเป็นกิ๊ก หรือ ‘concubine’

แม้กระทั่งยอมให้เป็น ไทเฮา ประเคนกระทรวงเกรดเอให้ก็ยังได้ ตอนนี้ปากจะบอกหนูไม่เอา หนูไม่ยอมอย่างไร พฤติกรรมในอดีตมันฟ้องอยู่แล้ว ถ้าเขามาเอง หนูจะทำอะไรได้

เหตุฉะนี้ ดีไม่ดี อาจมีการเลื่อนเลือกตั้งไปเป็นวันที่ ๙ พฤษภาคมเสียเลย รู้แล้วรู้รอดไป เพื่อจะได้มีกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลอันต่อเนื่อง ไม่ต้องเว้นวรรครอพระราชพิธีฯ

เพราะถ้าอย่างนั้นพอเลือกตั้งเสร็จจะประกาศผลหรือไม่ ย่อมรู้กันนัยๆ แล้วละว่าใครมาใครได้อยู่ดี ขืนไม่ใช่พลังประชารัฐและพรรค คสช. ละก็หมดท่า ขยับไม่ออก ทำอะไรไม่ได้ในช่วงพระราชพิธีฯ