วันจันทร์, มกราคม 14, 2562

หากยังคิดจะเล่นการเมืองต่อไปอีก ๒๐ ปีดังที่ตั้งเป้า พรรค คสช. ต้องเอาอย่างความว่องไวทางวิสัยทัศน์ของพรรคการเมืองรุ่นใหม่


มาช้าดีกว่า หลงลืม วินธัย กำลังพลฝ่าย เห่า ของ คสช. ปฏิบัติการ (ที่ภาษาสากลเรียกว่า) ‘Damage Control’ เมื่อกลุ่มคนอยากเลือกตั้งไม่ลดละ จัดชุมนุมเรียกร้อง ไม่เลื่อนเลือกตั้ง อย่างต่อเนื่อง

เพื่อชี้หน้านักรัฐประหารว่าพอกันทีกับการปลิ้นปล้อนยื้อเวลา ไม่ยอมให้ประชาชนได้ใช้สิทธิเสียงชี้ชะตาตนเอง

สถานการณ์เพลี่ยงพล้ำของฝ่ายรัฐประหาร แม้กระทั่งได้ใช้อำนาจอิทธิพลกีดกันพรรคการเมืองฟากประชาธิปไตยในการปราศรัยหาเสียงที่จังหวัดพะเยาแล้ว การลงพื้นที่พบประชาชนของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่จังหวัดร้อยเอ็ด ตีกลับแสกหน้าพรรค คสช. ชนิดแตกไม่เย็บ

จากรีทวี้ตของ @moui เมื่อวาน “ลุงเค้าเห็นภาพนี้ยังอ่าาา” เป็นภาพที่มีคำบรรยายว่า “อยู่เบื้องหน้าของหน่อย ย้ำถึงพันธกิจที่สำคัญของพรรคเพื่อไทย นั่นคือนำพาประเทศออกจากความล้าหลัง ล้มเหลว ถดถอยสิ้นหวัง...”
 
รายละเอียดของภาพจาก @TV24Official ชี้ว่า “ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยพร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่พบปะประชาชนที่ อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด โดยมี นายนิรมิต สุจารี อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย และประชาชนจำนวนมากให้การต้อนรับ”

นั่นย่อมแสดงให้ประจักษ์แล้วว่า ความต้องการเลือกตั้งของประชาชนล้นหลาม เกินกว่าสันดานเดิมของฝ่ายทหารที่จะอ้างสถาบันกษัตริย์มาเป็นเครื่องมือครอบงำประชากรต่อไปอย่างไม่สิ้นสุดด้วยแนวทางเผด็จการ ตอแหล’ ได้ 

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. อ้าง “การเตรียมพระราชพิธีบรมราชาภิเษก” อย่างด้านได้ว่า “สังคมไทยจะมองการตั้งใจเคลื่อนไหวอย่างมีนัยที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ด้วยความรู้สึกกังขาและมองว่าไม่เหมาะไม่ควร...เพราะเป็นอารมณ์ประชาธิปไตย ที่ใครๆ ก็มีสิทธิจะเกิดความรู้สึกแบบนั้นขึ้นได้”

พร้อมทั้งใส่ไคล้ว่า “ความเคลื่อนไหวบางอย่างได้กลายเป็นอาชีพหนึ่งไปเสียแล้ว” มิหนำซ้ำวินธัยใช้วิชา ตระบัดลิ้น กล่าวหาฝ่ายต้องการเลือกตั้งว่า “ชูประเด็นว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยแล้วผลักผู้อื่นให้ไปอยู่ตรงข้าม อาจมองได้ถึงวุฒิภาวะทางประชาธิปไตยที่กำลังบกพร่องก็เป็นได้” เสียด้วย


นี่ละตรรกะของเผด็จการทหารไทยรุ่น นูโวสามารถบิดเบี้ยวการใช้สิทธิออกเสียงของความเป็นมนุษยชนว่าเป็นเรื่อง บกพร่องผลิตคารม บ่อนไส้ให้หลักการประชาธิปไตยแบบไทยๆ หมายถึง การหุบปากยอมศิโรราบต่อคณะยึดอำนาจเท่านั้น

ข้อเท็จจริงประการหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่าการปกครองของคณะทหารที่ยึดอำนาจมาจากรัฐบาลเลือกตั้ง ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ท่ามกลางการโฆษณาชวนเชื่อว่าหลังจากใช้เวลาเกือบห้าปีผลาญเงินงบประมาณไปหลายแสนล้าน

เสียงจากประชากรในระดับรากหญ้ายังคงร่ำร้องกันว่า “เศรษฐกิจแย่ จะตายกันหมดแล้ว” ‘case in point’ เฉพาะกรณีการค้าปลีกในตลาดนครพนม จากข้อเขียนของเว็บ ภูมิปัญญาชาวบ้าน

นางเปรี้ยว รมณ์บัวรอด วัย ๕๓ ปี แม่ค้าขายวัวเผาในตลาดสดเทศบาลเมือง ถนนอภิบาลบัญชา ใจกลางย่านเศรษฐกิจตัวเมืองนครพนม บอกกับผู่สื่อข่าว นสพ.ข่าวสดว่า เมื่อก่อน ขายดี ยอดพุ่งวันละ ๑ หมื่นบาท พอมีกำไรเหลือวันละ ๒-๓ พันบาท

เดี๋ยวนี้จะหวังยอดขายวันละ ๒ พันบาทยังยาก “วันนี้เพิ่งขายได้แค่ ๒๐๐ บาท ค้าขายเงียบเหงามาตั้งแต่ปี ๒๕๕๗ และซบเซาเรื่อยมาได้ ๔-๕ ปีแล้ว ติดหนี้ค่าไฟเทศบาลฯ ๑,๘๐๐ บาทแล้ว เงินที่เก็บไว้ลงทุนก็ร่อยหรอเมื่อไม่มีกำไรและขาดทุนมาตลอด

วันนี้รถที่เคยมีและที่ดินที่เคยซื้อไว้ ก็ได้ขายมาลงทุนแต่ขายของไม่ได้...อยากบอกรัฐบาลว่าวันนี้แม่ค้าในตลาดสดแห่งนี้ จะตายกันหมดอยู่แล้ว”


และที่จะตายกันในไม่ช้าจากปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองขนาดจิ๋วในกรุงฯ ที่กรมควบคุมมลพิษแจ้งว่าช่วงเดือนธันวาคม (๖๑) ถึงเมษายน (๖๒) เป็นช่วงเกิดสถานการณ์ ที่มีหลักปฏิบัติกำหนดไว้แล้ว
 
เช่นเดียวกับช่วงเดือนพฤษภาคมในระหว่างราชพิธีราชาภิเษก เป็นช่วงหลังสถานการณ์ที่มีมาตรการระยะยาววางไว้เช่นกัน ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลานาน ๒๐ ปี รอให้ คสช.ล้มหายตายจากไปให้หมดเสียก่อนจึงจะเห็นผลก็ได้


ส่วนช่วงก่อนสถานการณ์ที่ คพ.ระบุว่าเป็นระหว่างเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน (๒๕๖๑) นั้นน่าจะสั้นไปเยอะ เพราะภาวะฝุ่นละอองขนาดเป็นอันตรายต่อสุขภาพนี่ใช้เวลาสั่งสมหลายปี ช่วงสี่ห้าปีที่ คสช.ครองเมืองนี่ก็เพียงพอจุดติดได้ ถ้าไม่รู้สีสา เอาหูไปนาเอาตาไปไร่

แม้แต่เหตุเตือนสำนึกจากกรณี หมู่บ้านป่าแหว่งของตุลาการที่ดอยสุเทพ เชียงใหม่ ซึ่งชาวเมืองรณรงค์ต่อต้านเพราะเห็นแจ้งว่าเป็นการทำลายระบบนิเวศวิทยา เนื่องจากชาวเชียงใหม่ประสบปัญหาหมอกควันกันมาก่อนนานนมแล้ว

เรื่องของเรื่องเนื่องจากพวกเผด็จการนูโว คสช.ของวินธัย วิสัยทัศน์สั้น ภูมิปัญญาหางอึ่ง จึงปล่อยให้วิกฤตเกิดขึ้นในใจกลางกรุงฯ จนได้

หากยังคิดจะเล่นการเมืองต่อไปอีก ๒๐ ปีดังที่ตั้งเป้าไว้ด้วยกฎหมายศรีธนญชัยของพวกตน พรรค คสช. ไม่ว่าจะพลังประชารัฐหรือพลัง กปปส. ต้องเอาอย่างความว่องไวทางวิสัยทัศน์ของพรรคการเมืองรุ่นใหม่บางราย
 
#พรรคอนาคตใหม่ จัดกิจกรรม อนาคตใหม่ใส่ใจสุขภาพ แจกหน้ากากอนามัยให้ประชาชน รณรงค์สร้างความตระหนักเรื่องฝุ่น PM2.5 ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ” ดูเหมือนจะยังไม่มีพรรคการเมืองใด ใหม่หรือเก่าจับประเด็นได้รวดเร็วอย่างพวกเขา

'หมอเก่ง วาโย' รองโฆษก #พรรคอนาคตใหม่ ระบุ เราต้องตระหนก หากรัฐบาลยังไม่ตระหนักแก้ปัญหานี้ฝุ่นละออง PM 2.5 อย่างจริงจัง พรรคฯ จึงเดินหน้าแจกหน้ากากอนามัย ชนิด N95 รณรงค์ให้ประชาชนตระหนักเรื่องปัญหาฝุ่นละออง” (จากทวี้ตของ Weeranan Kanhar @weeranan)

หมอเก่ง นี่เก่งแค่ไหนไม่รู้นะ แต่จับกระแสได้ทันทีทันควัน ก็จัดว่าทำงาน รองโฆษก ได้ผล ล้ำหน้าโฆษก คสช.ไปแล้วหลายขุม