ราชกิจจาฯ ออกมาแล้ว ระเบียบเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ๖ ฉบับ
กับประกาศของ กกต. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการในการเลือกตั้งอีก ๓ ฉบับ
น่าจะปูทางไปสู่การออกกฤษฎีกาเลือกตั้งและกำหนดวันเลือกตั้งในไม่ช้า
ซึ่งคงจะดันไปจนสุดเงื่อนเวลาดังที่กฏบัตรกฎหมายของ คสช.
ตีกรอบไว้ ดังที่ ผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการ คสช. อ้างว่า “ทุกอย่างมีกรอบเวลาและมีกฎหมายรองรับ
โดยเฉพาะพระราชบัญญํติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง”
ขณะเดียวกัน ‘วันเด็ก’ (๑๒ มกรา)
ที่กองทัพนำอาวุธยุทโธปกรณ์ออกมาตั้งแสดงให้เด็กๆ เล่นกัน
เพื่อการมอมเมาให้เด็กไทยเติบโตไปเป็นผู้รักความรุนแรง
ยึดเอาพลังอำนาจศาสตราเป็นสรณะเมื่อถึงคราได้เป็นพลเมืองของชาติเต็มขั้น
ปัญหามีเพียงว่า คสช.จะยืดเวลาไปยันให้ติดขอบสุดทำไม
กำหนดเวลาต่างๆ ในกฎหมายเกี่ยวกับพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง ก็มีความยืดหยุ่นภายในกรอบเวลา
๖๐ วัน ๑๕๐ วันอยู่แล้ว มิได้หมายความให้ต้องใช้เวลาเต็มตามตัวเลขเหล่านั้น
นักกฎหมายมหาชนบางคนชี้ให้เห็นทางปฏิบัติที่เป็นมา
ไม่ได้มีการตีความกฎหมายตรงตามตัวอักษรเหมือนที่นายวิษณุ เครืองาม
รองนายกรัฐมนตรีอธิบาย หากมีการเลือกตั้งในวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ก็สามารถเปิดประชุมสภาได้ภายใน
๓๐ วัน
และอาจตั้งรัฐบาลได้ภายในเดือนเมษายนเสียด้วยซ้ำ
ไม่มีความจำเป็นใดเป็นพิเศษจะต้องให้รัฐบาล คสช. เป็นผู้ดูแลราชพิธีราชาภิเษก
รัฐบาลใหม่ที่ทำท่าจะไม่ใช่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีก
ย่อมดูแลได้
คนที่ “โดนสั่งให้มาทำอย่างนี้
ก็คิดอยู่ในโหมดนี้อย่างเดียว” ไม่ใช่พวกอยากเลือกตั้งหรอก เป็นพวก คสช. รวมทั้ง
ผบ.ทบ.นั่นแหละ ที่วางมาดมาแต่ต้นว่าจะต้องทำการควบคุมการเลือกตั้ง
ให้ผลออกมาดังที่วางกับเอาไว้ ทั้งในกฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎหมายลูกต่างๆ ประกอบ
คนที่ ‘รำคาญ’ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
ประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งรอได้เป็นผู้กำหนดชะตาทางการเมืองของตนผ่านการเลือกตั้งมาจะ ๕
ปี การเรียกร้องให้ คสช.จัดให้มีเลือกตั้งในวันที่ ๒๔ กุมภา
อันเป็นกำหนดที่กรรมการเลือกตั้งคำนวณไว้ และถูกเลื่อนมาเป็นครั้งที่ ๕ แล้ว
เหตุผลประการสำคัญที่ประชาชนไม่ต้องการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก
เป็นประโยคเดียวกับที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ใช้อ้างหยามหน้าคนอยากเลือกตั้ง
นั่นคือ “อยากทำมาหากินตามปกติ” จะได้มีกินมีใช้ไม่ต้องอัตคัตกันเสียที
เนื่องจากตลอดเกือบ ๕ ปีที่ผ่านมา
บ้านเมืองในครอบครองของคณะรัฐประหารและคณะทหาร คสช. มีแต่จะอดอยากยากแค้นเพิ่มขึ้น
ประชาชนจึงต้องการรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งให้เป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจของนานาชาติ
นั่นต่างหาก
พวกที่ “อยากให้เกิดความวุ่นวาย” ตามที่
พล.อ.อภิรัชต์กล่าวหา แท้จริงเป็นพวกลิ่วล้อ คสช. พวกโหนกองทัพ โหนเจ้า (อย่าง
นพ.เหรียญทอง แน่นหนา) นั่นต่างหากที่พยายามบิดเบือนเจตนาของกระบวนการไม่เลื่อนเลือกตั้ง
ให้เป็นการขัดแย้งต่อพระบรมเดชานุภาพกษัตริย์
ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
มิได้หมายถึงจะต้องมีคณะทหารอย่าง คสช. คอยบงการและชี้ชะตาประชาชนเป็นระยะยาวนานถึง
๒๐ ปี มิฉะนั้นระบบปกครองจะไร้ความหมายทั้งในทางประชาธิปไตยและในองค์ประมุข