ต้องให้ ‘วาสนา’ ไปถาม ‘บิ๊กแดง’ ของเธอว์สิว่า ทำไม “ประเทศเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง
แต่กองทัพยังส่งคนสะกดรอยประชาชนไม่เลิก” (ถ้อยคำของ ‘sirote
klampaiboon @sirotek’)
เมื่อ 14 Jan 2019 เวลา 11:59 PM ‘Deep Blue Sea @WassanaNanuam’ ทวี้ตว่า “บิ๊กแดงเตือน นักการเมืองอย่าไปดูหมิ่นดูแคลน
ซักไซร้ไล่เรียง จนท.ที่ติดตาม ยันไม่ได้มีเจตนาที่จะไปจับผิด
แต่ไปดูแลความปลอดภัย”
ไม่ใช่อย่างนั้นนะสิ แต่มันเป็นการคุกคามที่เขาไม่ต้องการ มีกำลังพลทหารจาก
กอ.รมน. คอยติดตามถ่ายคลิปถ่ายภาพกิจกรรมหาเสียงของคุณหญิงสุดารัตน์ ไม่หยุดหย่อน ลองอ่านที่
‘ศิโรตม์’ ติงพฤติกรรมของ คสช.
“ต้องชื่นชมที่คุณหญิงไม่ว่าอะไรกำลังพลระดับล่างรายนี้
เพราะคนผิดจริงๆ คือผู้บังคับบัญชา ที่เอากำลังพลซึ่งกินภาษีประชาชนไปใช้งานคุกคามประชาชน”
เธอแสดงให้เห็นอย่างนิ่มๆ ที่ปากเกร็ด “เข้าไปถามนายทหารคนดังกล่าวว่าใครสั่งมา
สั่งมาทำไม และไม่ได้โกรธ แต่อยากรู้ว่าทำไมไม่ปล่อยให้นักการเมืองหาเสียงได้อย่างอิสระ
มันควรเป็นเวลาที่ปล่อยให้หาเสียงได้แล้ว”
ส่งท้าย “คุณหญิงสุดารัตน์ขอให้ทหารลบภาพที่ตามถ่าย
และมาถ่ายด้วยกันสองคนเพื่อส่งให้ผู้บังคับบัญชา” หลังจากนั้นประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยเปิดแถลงข่าว
ตั้งคำถามต่อหัวหน้า คสช. “เหตุใด เจ้าหน้าที่ทหารยังไม่กลับเข้ากรมกอง
และปล่อยให้การเลือกตั้งเสรี บริสุทธิ์ ยุติธรรม
แต่กลับพบว่าตลอดการลงพื้นที่พบปะประชาชน
จะถูกเจ้าหน้าที่ทหารติดตามและถ่ายภาพนิ่งรวมทั้งบันทึกวิดีโอ” จนทำให้ “รู้สึกว่าวิธีการดังกล่าว
เป็นการกดดันและคุกคามการทำหน้าที่ของตนเอง” ไม่แต่เท่านั้น หญิงหน่อยขยายความต่อไปด้วยว่า
“พล.อ.ประยุทธ์ กำลังจะมีสถานะเป็นว่าที่แคนดิเดตนายกฯ
ของพรรคการเมืองหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้
กำลังใช้อำนาจสั่งการหน่วยงานของรัฐภายใต้การบังคับบัญชาของตน อย่าง กอ.รมน.
และใช้งบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีอากรของประชาชน
มาใช้ในการติดตามคู่แข่งทางการเมืองเพื่อเอาเปรียบทางการเมือง”
ซ้ำยังเป็นการข่มขวัญ จะให้ดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ควรจะสั่งการให้
กอ.รมน. จัดกำลังพลไปดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้
จะเป็นประโยชน์กับประชาชนคุ้มกับภาษีอากรของราษฎร” มากกว่า
นั่นเป็นการข่มเหงนักการเมืองอย่างโจ่งแจ้งด้วยข้ออ้างเพียงว่า
ส่งกำลังพลไปให้ความคุ้มครอง
แต่ยังมีการกลั่นแกล้งทำร้ายนักกิจกรรมที่เรียกร้องประชาธิปไตยที่ดึงดันหาญกล้า ผู้ไม่ยอมสยบง่ายๆ
อย่าง เอกชัย หงส์กังวาน
เขาถูกดักทำร้ายต่อยตี
และบางครั้งใช้มีดเป็นอาวุธ อยู่เนืองๆ
โดยไม่มีความคืบหน้าจากทางการตำรวจในคดีต่างๆ ที่เขาได้แจ้งความไว้แล้ว
เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อก่อนใช้การขนส่งสาธารณะในการเดินทางไป-กลับเพื่อประท้วง
ครั้นถูกดักทำร้ายบ่อยเข้า หันไปใช้รถยนต์ส่วนตัวก็ยังไม่วาย
มาเมื่อกลางดึกคืนวันที่ ๒๖ มกรา เมื่อเวลาเกือบตีสาม
กล้องวงจรปิดอาคารสถานที่พักของเอกชัย บันทึกภาพชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมหัว
ลอบจุดไฟเผารถของเขาที่จอดอยู่ริมทางเท้า เป็นรอยไหม้บริเวณบานประตูทั้งส่วนหน้าและหลัง
ไม่ว่าความเสียหายต่อรถของเขาจะมากน้อยแค่ไหน
นี่เป็นพฤติกรรมข่มขู่ กลั่นแกล้งอย่างร้ายแรงให้เกิดความหวาดกลัว
ไม่ว่าฝ่ายทหารหรือคนในรัฐบาล คสช. จะรู้เห็นด้วยหรือไม่ รวมทั้งมีใครว่าจ้างมิจฉาชีพมาก่อการร้ายเยี่ยงนั้นหรือไม่
เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของ ตำรวจ
และหน่วยงานด้านความมั่นคงของ คสช. จักต้องเร่งดำเนินการหาคนร้ายมาดำเนินคดีโดยไว
มิฉะนั้นการนิ่งเฉยแช่เย็นคำร้องแจ้งความของเอกชัย
ย่อมทำให้ตั้งสันนิษฐานเป็นข้อกล่าวหาได้เลยว่า เจ้าพนักงานของรัฐสมรู้ร่วมคิดกับคนร้ายไปด้วย