วันจันทร์, มกราคม 28, 2562

นักการเมืองและประชาชน (หญิงหน่อยและเอกชัย) ยังถูกข่มขู่คุกคามไม่เลิก


ต้องให้ วาสนาไปถาม บิ๊กแดงของเธอว์สิว่า ทำไม “ประเทศเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง แต่กองทัพยังส่งคนสะกดรอยประชาชนไม่เลิก” (ถ้อยคำของ sirote klampaiboon @sirotek)

เมื่อ 14 Jan 2019 เวลา 11:59 PM ‘Deep Blue Sea @WassanaNanuam’ ทวี้ตว่า “บิ๊กแดงเตือน นักการเมืองอย่าไปดูหมิ่นดูแคลน ซักไซร้ไล่เรียง จนท.ที่ติดตาม ยันไม่ได้มีเจตนาที่จะไปจับผิด แต่ไปดูแลความปลอดภัย

ไม่ใช่อย่างนั้นนะสิ แต่มันเป็นการคุกคามที่เขาไม่ต้องการ มีกำลังพลทหารจาก กอ.รมน. คอยติดตามถ่ายคลิปถ่ายภาพกิจกรรมหาเสียงของคุณหญิงสุดารัตน์ ไม่หยุดหย่อน ลองอ่านที่ ศิโรตม์ ติงพฤติกรรมของ คสช.

ต้องชื่นชมที่คุณหญิงไม่ว่าอะไรกำลังพลระดับล่างรายนี้ เพราะคนผิดจริงๆ คือผู้บังคับบัญชา ที่เอากำลังพลซึ่งกินภาษีประชาชนไปใช้งานคุกคามประชาชน” เธอแสดงให้เห็นอย่างนิ่มๆ ที่ปากเกร็ด “เข้าไปถามนายทหารคนดังกล่าวว่าใครสั่งมา สั่งมาทำไม และไม่ได้โกรธ แต่อยากรู้ว่าทำไมไม่ปล่อยให้นักการเมืองหาเสียงได้อย่างอิสระ มันควรเป็นเวลาที่ปล่อยให้หาเสียงได้แล้ว”

ส่งท้าย “คุณหญิงสุดารัตน์ขอให้ทหารลบภาพที่ตามถ่าย และมาถ่ายด้วยกันสองคนเพื่อส่งให้ผู้บังคับบัญชา” หลังจากนั้นประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยเปิดแถลงข่าว ตั้งคำถามต่อหัวหน้า คสช. “เหตุใด เจ้าหน้าที่ทหารยังไม่กลับเข้ากรมกอง และปล่อยให้การเลือกตั้งเสรี บริสุทธิ์ ยุติธรรม

แต่กลับพบว่าตลอดการลงพื้นที่พบปะประชาชน จะถูกเจ้าหน้าที่ทหารติดตามและถ่ายภาพนิ่งรวมทั้งบันทึกวิดีโอ” จนทำให้ “รู้สึกว่าวิธีการดังกล่าว เป็นการกดดันและคุกคามการทำหน้าที่ของตนเอง” ไม่แต่เท่านั้น หญิงหน่อยขยายความต่อไปด้วยว่า

“พล.อ.ประยุทธ์ กำลังจะมีสถานะเป็นว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ กำลังใช้อำนาจสั่งการหน่วยงานของรัฐภายใต้การบังคับบัญชาของตน อย่าง กอ.รมน. และใช้งบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีอากรของประชาชน มาใช้ในการติดตามคู่แข่งทางการเมืองเพื่อเอาเปรียบทางการเมือง”

ซ้ำยังเป็นการข่มขวัญ จะให้ดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ควรจะสั่งการให้ กอ.รมน. จัดกำลังพลไปดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นประโยชน์กับประชาชนคุ้มกับภาษีอากรของราษฎร” มากกว่า


นั่นเป็นการข่มเหงนักการเมืองอย่างโจ่งแจ้งด้วยข้ออ้างเพียงว่า ส่งกำลังพลไปให้ความคุ้มครอง แต่ยังมีการกลั่นแกล้งทำร้ายนักกิจกรรมที่เรียกร้องประชาธิปไตยที่ดึงดันหาญกล้า ผู้ไม่ยอมสยบง่ายๆ อย่าง เอกชัย หงส์กังวาน
 
เขาถูกดักทำร้ายต่อยตี และบางครั้งใช้มีดเป็นอาวุธ อยู่เนืองๆ โดยไม่มีความคืบหน้าจากทางการตำรวจในคดีต่างๆ ที่เขาได้แจ้งความไว้แล้ว เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อก่อนใช้การขนส่งสาธารณะในการเดินทางไป-กลับเพื่อประท้วง ครั้นถูกดักทำร้ายบ่อยเข้า หันไปใช้รถยนต์ส่วนตัวก็ยังไม่วาย

มาเมื่อกลางดึกคืนวันที่ ๒๖ มกรา เมื่อเวลาเกือบตีสาม กล้องวงจรปิดอาคารสถานที่พักของเอกชัย บันทึกภาพชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมหัว ลอบจุดไฟเผารถของเขาที่จอดอยู่ริมทางเท้า เป็นรอยไหม้บริเวณบานประตูทั้งส่วนหน้าและหลัง


ไม่ว่าความเสียหายต่อรถของเขาจะมากน้อยแค่ไหน นี่เป็นพฤติกรรมข่มขู่ กลั่นแกล้งอย่างร้ายแรงให้เกิดความหวาดกลัว ไม่ว่าฝ่ายทหารหรือคนในรัฐบาล คสช. จะรู้เห็นด้วยหรือไม่ รวมทั้งมีใครว่าจ้างมิจฉาชีพมาก่อการร้ายเยี่ยงนั้นหรือไม่

เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของ ตำรวจ และหน่วยงานด้านความมั่นคงของ คสช. จักต้องเร่งดำเนินการหาคนร้ายมาดำเนินคดีโดยไว

มิฉะนั้นการนิ่งเฉยแช่เย็นคำร้องแจ้งความของเอกชัย ย่อมทำให้ตั้งสันนิษฐานเป็นข้อกล่าวหาได้เลยว่า เจ้าพนักงานของรัฐสมรู้ร่วมคิดกับคนร้ายไปด้วย