วันจันทร์, มกราคม 21, 2562

ฝ่ายประชาธิปไตยควรหาทางช่วยปกป้อง เอกชัย หงส์กังวาน จากการถูกรุมทำร้าย


การถูกรุมทำร้ายของ เอกชัย หงส์กังวาน หลังจากไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เมื่อวันที่ ๑๙ ม.ค. ไม่ควรถูกปล่อยให้เงียบหายต่อไปอีก เขาโดนเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง แม้จะเข้าแจ้งความก็ไม่เคยมีอะไรคืบหน้า

ควันหลงชุมนุมท้าทาย เลื่อน-ไม่เลื่อน เลือกตั้งสองฝ่ายหวิดปะทะ เดชะบุญฝ่าย อยากเลือกตั้งย้ายที่เสียก่อน แต่กระนั้นการชุมนุมที่หน้าหอประชุมเล็ก ม.ธ. ส่งท้ายด้วยมีคนเจ็บจนได้

จากรายงานโดย iLawFX @iLawFX ในวันนั้นแจ้งว่า (1) เวลาประมาณ 19.00 น. เอกชัย หงส์กังวาน​ ถูกผู้ชาย 4 คน รุมทำร้ายขณะเดินทางกลับบ้าน หลังจากเสร็จกิจกรรม #คนอยากเลือกตั้ง ได้รับบาดเจ็บ​ที่หน้าผาก​บริเวณขมับขวา ปากแตก​ และมีแผลที่แขนซ้าย ขณะถูกทำร้ายได้ยินคนร้ายพูด “เอามีดมาแทงมัน” “เอาปืนมายิงมัน” ด้วย

(2) เสียงของ เอกชัย หงส์กังวาน เล่าว่า “น่าจะถูกคนกลุ่มนี้ตามมานานแล้ว เพราะตั้งแต่ถูกทำร้ายครั้งก่อน ก็เลิกเดินทางโดยรถเมล์ ใช้รถยนต์ส่วนตัวตลอด จนวันนี้มาจัดกิจกรรม #คนอยากเลือกตั้ง ต้องจอดรถไว้ไกล พอเสร็จกิจกรรม เดินกลับไปเอารถ จึงถูกทำร้ายทันที”

(3) เอกชัย กล่าวอีกว่า บริเวณที่ถูกทำร้ายนั้นมีกล้องวงจรปิด 2 ตัว โดยได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม ทราบแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าเป็นกล้องของ กทม. ต้องทำเรื่องไปแจ้ง กทม. เพื่อขอภาพจากกล้องอีกครั้ง

แต่เชื่อได้ว่าไม่น่าจะมีอะไรคืบหน้าจากคดีที่เอกชัยแจ้งความ เช่นเดียวกับหลายครั้งที่ผ่านมา เอกชัยเป็นนักกิจกรรมที่ถูกทำร้ายบ่อยมาก จากการที่เขาไม่ยอมลดละ เช่นในการประท้วงเรื่องนาฬิกาหรู ๒๕ เรือนของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เขาตามดักประท้วงไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

บางครั้งเอกชัยมีเพื่อนไปร่วมประท้วงด้วยหนึ่งคน หลายครั้งกระทำด้วยตนเอง และในระหว่างเดินทางถูกคนร้ายบ้าง กลุ่มวัยรุ่นบ้าง รุมทำร้ายให้บาดเจ็บ หัวแตก ปากแตก เช่นนี้บ่อยๆ คนร้ายน่าจะเป็นพวกที่รับจ้างมา เพราะไม่มีเหตุอิ่นใดที่จะมีคนจ้องทำร้ายเช่นนี้

หากจะสันนิษฐานไว้ก่อนว่าคนที่จ้าง หรือสั่ง เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากการประท้วงของเอกชัย ซึ่งก็คือคณะรัฐประหาร และรัฐบาล คสช. นั่นเอง แน่นอน ทางการสามารถอ้างได้ว่า อาจเป็นคนที่หมั่นไส้ หรือจงชังเอกชัยจากบทบาทในการต่อต้านรัฐบาล คสช. ของเขาก็ได้

ข้อควรคิดอยู่ที่เขาเป็นนักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยที่มีน้ำอดน้ำทน และดึงดันในการประท้วงอย่างหาใครเทียบได้ ท่ามกลางการปลิ้นปล้อนบิดเบือน และหน้าทนของ คสช. เขาทำให้กระบวนการต้านเผด็จการ-เรียกร้องประชาธิปไตย ไม่เงียบหายเป็นคลื่นกระทบฝั่ง

ถึง คสช.จะไม่ยอมฟัง และพลเมืองเฉยเมินหน้า แต่เอกชัยก็ทำหน้าที่แทนผู้ที่ไม่กล้าแสดงออกได้อย่างเกิดผล จึงควรที่ผู้สนับสนุนกระบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยจะช่วยหาทางปกป้องให้เขาได้รับความปลอดภัยจากการรุมทำร้าย

หากจะมีการร่วมลงขันเพื่อว่าจ้างคนคอยคุ้มกัน ทุกครั้งที่เขาออกไปทำการประท้วงหรือเรียกร้องเพื่อหลักการประชาธิปไตย คนคุ้มกันนี้ประดุจดังหน่วยรักษาความปลอดภัย หรือ รปภ.ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถให้แก่เขาได้

เพราะการให้กำลังใจอย่างเดียวไม่พอที่จะให้กระบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยยืนหยัดต่อไปอย่างเข้มแข็งได้เสมอ