หลังจากทางการตำรวจยืนยันจากการตรวจดีเอ็นเอ ว่าศพลอยน้ำศพที่สองเป็นของสหาย
‘กาสะลอง’ ที่ถูกอุ้มหายไปจากที่พักลี้ภัยในประเทศลาว
พร้อมกับสุรชัยและสหาย ‘ภูชนะ’ ผู้ช่วยของเขาอีกคนหนึ่ง
เมื่อต้นเดือนธันวาคม
อีกด้านหนึ่ง ข่าวเวิร์คพอยท์ ‘Workpoint News’ รายงานเช่นกันว่า “พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน บังคับการตำรวจภูธร จ.นครพนม
บอกว่า ดีเอ็นเอของลูกชาย ‘กาสะลอง’
ไม่ขัดแย้งกับศพที่ตรวจพบในท้องที่สภ.นครพนม
ส่วนดีเอ็นเอของศพที่ตรวจพบในเขตสถานีตำรวจภูธรธาตุพนม ก็สอดคล้องกับดีเอ็นเอของลูกชายและมารดาของ
‘ภูชนะ’” ก่อนหน้านี้เช่นกัน
ตามรายงานวันที่ ๒๒ มกราคมของข่าวสดอิงลิชเผยว่า ชนะ
วสุรักข์
ผู้สื่อข่าวประจำนครพนมแจ้งว่าศพลอยน้ำรายที่สามนั้นชาวบ้านได้พบเมื่อวันที่ ๒๗
ธันวาคม แล้วแจ้งต่อผุ้ใหญ่บ้าน สภาพศพถูกห่อด้วยกระสอบและมัดด้วยลวดเช่นเดียวกับอีกสองศพที่พบลอยอืดขึ้นเมื่อ
๒๗ ธ.ค. และ ๒๙ ธ.ค.
ศพที่สามนั้นก่อนจะหายไปเมื่อตำรวจเดินทางไปถึงในตอนบ่าย ชาวบ้านได้ถ่ายรูปเอาไว้แล้ว
และหน่วยตรวจลำน้ำโขงของกองทัพเรือก็ได้ไปดูก่อนหน้านั้น ผู้สื่อข่าวของข่าวสดแจ้งว่าผู้ใหญ่บ้านได้กำชับไม่ให้พูดอะไรถึงเหตุการณ์วันนั้น
จากภาพถ่ายศพดังกล่าวระบุว่ามีลักษณะต่างจากศพอื่น คืองอเข่า
๙๐ องศา ฝ่ายชันสูตรเชื่อว่าไม่ใช่การตายโดยธรรมชาติ
ส่วนอีกสองศพที่ดีเอ็นเอพิสูจน์แล้วว่าน่าจะเป็นของสหายภูชนะ และกาสะลอง
ลักษณะศพใบหน้าเละ ถูกกว้านท้องแล้วเอาแท่งคอนกรีตยัดไว้
จึงเป็นที่สรุปแล้วว่า สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ผู้ต้องหาคดี
๑๑๒ และหมายจับกุมของทางการรัฐบาล คสช. น่าจะเสียชีวิตพร้อมกับอีกสองศพที่ได้มีการพิสูจน์ดีเอ็นเอดังกล่าว