วันพฤหัสบดี, มกราคม 24, 2562

ประกาศเลือกตั้ง ๒๔ มีนาคม ภายใต้กฎหมายเอาเปรียบ ระเบียบกดหัว


จะเป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุด คสช. อย่างที่ อจ.โสรัจจ์ หงส์ลดารมย์ ว่าหรือไม่ อยุ่ที่ฝ่ายอยากเลือกตั้งพร้อมเพรียงกันขนาดไหน ราชกฤษฎีกาออกมาเมื่อวาน ๒๓ มกราคม ประกาศให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ตามด้วยมติ กกต. กำหนดวันเลือกตั้ง ๒๔ มีนาคม

โดยจะเปิดรับสมัคร ส.ส.ระหว่างวันที่ ๔ ถึง ๘ กุมภาพันธ์ จากนั้นจะประกาศรายชื่อผู้สมัครในวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ และเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรวันที่ ๔ ถึง ๑๖ มีนาคม กับให้ลงคะแนนนอกเขตเลือกตั้ง ๑๗ มีนาคม

การนี้นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. แจ้งด้วยว่า กกต. ยึดหลักการตีความบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่ให้การเลือกตั้งแล้วเสร็จใน ๑๕๐ วัน รวมถึงการประกาศผลเลือกตั้งภายในวันที่ ๙ พฤษภาคมอย่างแน่นอน

เท่ากับว่าพรรคการเมืองจะมีเวลาหาเสียงกันทั้งสิ้น ๖๐ วัน ขณะที่กกต. ก็จะใช้เวลา ๔๕ วันดังที่เคยเกริ่นไว้แล้ว ในการประกาศผลเลือกตั้ง

ทันทีที่มีประกาศเลือกตั้งในราชกิจจานุเบกษา พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ โฆษกสำนักนายกฯ รีบแถลง “ขอย้ำว่ารัฐบาล (คสช.) ยังปฏิบัติหน้าที่ได้” ตรงตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เคยให้การรับรองไว้แล้ว

จากที่ “เคยให้สัมภาษณ์ว่า คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันถือว่าเป็นรัฐบาลเต็มรูปแบบ ไม่ใช่แค่รักษาการ ไม่เหมือนกับกรณีการยุบสภาแล้วรัฐบาลพ้นจากตำแหน่ง” ซึ่ง iLaw อธิบายว่า “ดังนั้น ในช่วงเวลาของการเลือกตั้งปี ๒๕๖๒ รัฐบาลคสช. จึงยังคงมีอำนาจเต็มตามรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐
 
ในการอนุมัติงบประมาณ โครงการ หรือการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการได้ รวมไปถึงยังมีสภาในการพิจารณากฎหมายและแต่งตั้งบุคคลในองค์กรอิสระได้ รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยังมีอำนาจพิเศษตามมาตรา ๔๔ อยู่ในมือด้วย”

อำนาจพิเศษของรัฐบาล คสช. ดังกล่าวมาจาก มาตรา ๒๖๕ ของรัฐธรรมนูญที่รักษาสถานะคณะรัฐประหารเอาไว้ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว ๒๕๕๗ อันรวมไปถึงสภานิติบัญญัติ หรือ สนช.ที่คณะรัฐประหารเป็นผู้ตั้ง จะยังคงทำหน้าที่และมีอำนาจเต็มไปจนกระทั่งถึงวันก่อนที่จะมีการประชุมรัฐสภาครั้งแรก

ไอลอว์ชี้ว่าอำนาจเหล่านั้น “เป็นความได้เปรียบที่สงวนไว้เฉพาะ คสช. ในการเลือกตั้งครั้งนี้”


เช่นนี้เรียกได้ว่าการเลือกตั้งที่จะมีในวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๒ นี้นั้นเป็นการเลือกตั้งภายใต้อำนาจเผด็จการโดยแท้ แม้กระทั่งการการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของบรรดาพรรคการเมือง ก็ถูกจำกัดจำเขี่ยดดยระเบียบและข้อกำหนดของ กกต. ๙ ข้อ

นอกจากเงื่อนงำเรื่องค่าใช้จ่ายในการหาเสียงที่จำกัดว่า “ถ้าพรรคใช้เงินเกิน ๓๕ ล้านบาท มีโทษถูกปรับตั้งแต่ ๒ แสนถึง ๒ ล้านบาท หรือปรับ ๓ เท่าของค่าใช้จ่ายที่ เกิน จาก ๓๕ ล้านบาท แล้วแต่อย่างไหนจะมากกว่า” กันแล้ว

มีข้อกำหนดหลักๆ จาก ๔ ข้อ ได้แก่ “ห้ามผู้สมัครพรรคการเมืองใช้ นักแสดง นักร้อง นักดนตรี พิธีกร สื่อมวลชน...เพื่อเอื้อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้ง” (ยังไม่มีใครตอบประเด็นที่ผู้สมัครคนนั้นเป็นนักแสดงหรือสื่อมวลชนเสียเอง)

กับการห้าม “ช่วยเหลือเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ให้แก่ผู้ใด ตามประเพณีต่างๆ” หมายความว่าการใส่ซองขาวที่เคยทำกันมา เวลาไปงานนักขัตฤกษ์ งานบวช งานศพ งานแต่งของชาวบ้าน อาจเป็นโทษถูกใบเหลือง ใบแดงได้

นสพ.ไทยรัฐ จัดทำไทม์ไลน์ให้รายละเอียดข้อห้ามในการหาเสียงต่างๆ ของ กกต. ตอนหนึ่งเกี่ยวกับการหาเสียงทางโซเชียลมีเดียว่า “พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ระบุถึงการล้อมคอกการหาเสียงทางโซเชียลว่า
 
สำนักงาน กกต.จะตั้ง วอร์รูม ขึ้นมาตรวจสอบ และทำความตกลงกับเจ้าของเว็บไซต์ เว็บเพจ เช่น เฟซบุ๊ก ยูทูบ เมื่อพบมีการโพสต์ข้อความไม่ถูกต้อง ใส่ร้ายป้ายสี จะประสานให้ผู้โพสต์ลบทิ้ง หากไม่ลบจะประสานให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการ

กรณีเป็นการโพสต์มาจากต่างประเทศจะประสานตัวแทนในประเทศไทยให้ลบ หากเป็นเว็บใต้ดิน หาที่มาไม่ได้ก็จะลบทันที แต่จะเตือนไปยังผู้สมัครให้ระวังการกดแชร์ กดไล้ค์ กองเชียร์” ทั้งนี้เพราะ กกต. จะตีความว่า กดไล้ค์เท่ากับทำซ้ำ การแชร์ถือเป็นการสร้างและรับเป็นของตัวเอง

“หากเป็นข้อความที่ผิดกฎหมาย เท่ากับหาเสียงโดยใส่ร้าย มีโทษใบแดง...เพราะนอกจะผิดอาญาข้อหาหมิ่นประมาทแล้ว ยังจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และผิดกฎหมายเลือกตั้ง มีโทษใบแดง” เช่นกัน


เช่นนั้น จาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์ของพรรคไทนรักษาชาติ หรือ ทษช. จึงได้ประกาศว่า “ได้รับคำแนะนำว่าอย่าหาเสียงบ้าง หยุดแสดงความเห็นบ้าง หรือแม้แต่ให้ปิดเพจไปก่อนก็มี

ขอเรียนให้ทราบทั่วกันว่าผมพร้อมปฏิบัติตามกฎหมายทุกอย่าง แต่ต้องยืนยันสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ดังนั้นจึงยืนยันเปิดเพจนี้ต่อไปและจะแสดงความคิดเห็นต่างๆ ต่อไป โดยพรุ่งนี้จะเริ่มจากวิจารณ์กกต.ครับ
 
ส่วน ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไปไกลกว่านั้นหน่อย “ถามกลับไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.และนายกรัฐมนตรี ที่มี ๔ รัฐมนตรีของรัฐบาล คสช. ร่วมกับพรรคการเมืองหนึ่งว่า พร้อมหรือยัง หลังจากคนในพรรคบอกตลอดว่า พล.อ.ประยุทธ์เหมาะสม...

พล.อ.ประยุทธ์พร้อมจะออกมาจากหลืบแล้วหรือยัง ที่จะออกมาต่อสู้ในสนามเลือกตั้งกันแบบลูกผู้ชาย เช่นเดียวกับ ๔ รัฐมนตรีที่สังกัดพรรค สวมหมวก ๒ ใบ จะแสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่งได้หรือยัง”