วันจันทร์, มกราคม 28, 2562

‘น้ำใส’ ที่ขาด ‘ใจจริง’ ในสังคมไทย

กรณี น้ำใส ไหงไม่จบง่ายๆ ขนาดร่ำไห้กลางเวที “ขอให้ให้อภัยในความผิดพลาดของหนูด้วย” แล้วเชียว

ผ่านมาหลายวัน สถานทูตเยอรมนีไม่เลิก เอกอัคราชทูตโพสต์ภาพข้อความ “เราจำได้” ชวนน้ำใสไปเรียนประวัติศาสตร์ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

จากการที่นายเกอร์ก ชมิดท์ เอกอัคราชทูตเยอรมนีประจำไทยโพสต์ภาพตนเองถือป้าย ‘We Remember’ พร้อมข้อความทั้งไทยและอังกฤษว่า

“เราขอแบ่งปันความตกใจและความกลัวที่ @ShapiraSmadar จากสถานทูตอิสราเอล#Israelได้แสดงออกมา เราขอเชิญสมาชิก # BNK48 มาคุยเกี่ยวกับความน่ากลัวของเผด็จการนาซีกับเรา”
 
นั่นเป็นการย้ำเตือนต่อสังคมไทยทั้งมวล ไม่เฉพาะเพียง น.ส.พิชญาภา นาถา สาวไอดอลคณะดนตรี BNK48 ที่โด่งดัง บังเอิญ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ สวมเสื้อยืดเจอร์ซี่มีรูปเครื่องหมายสวัสติกะของเผด็จการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นาซี เยอรมนีในอดีต

ทั้งที่เป็นโอกาสการซ้อมใหญ่คณะดนตรีของเธอ แต่ก็มีการถ่ายคลิปและภาพออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะ ทำให้สถานทูตอิสรเอลประจำไทยออกมาตำหนิด้วยวลีแสดงอาการ “กระเส่าและหวาดหวั่น” พร้อมทั้งถ้อยความ

รองหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูต นางสมาดาร์ ชาพีรา ร่วมถือป้าย #WeRemember เพราะเรายังคงจดจำว่าชาวยิวทั้งชาย หญิง และเด็กกว่า 6 ล้านคน ถูกสังหารในเหตุกาณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว (โฮโลคอสต์) และเราจะไม่มีวันลืม

การตำหนิ น้ำใสว่าละเลยการเรียนรู้ประวัติศาสตร์โลกแพร่กระจายไปทั่วสังคมไทยอย่างรวดเร็ว จนเจ้าตัวถึงกับน้ำตานองหน้ากล่าวคำขอโทษ “หนูเสียใจมากกับสิ่งที่เกิดที่ขึ้น ในความผิดพลาดและความไม่รู้” ขณะร่วมแสดงในรายการ ‘6th Single Senbatsu General Election’
 
หลังจากนั้นผู้จัดการวงได้พาเธอไปมอบดอกไม้แสดงการขออภัยต่อเอกอัคราชทูตอิสรเอลและภรรยาที่สถานทูต กระนั้นปัญหาก็ยังไม่จบง่ายๆ จนกระทั่งสถานทูตเยอรมนีแพร่ภาพทางทวิตเตอร์สนับสนุนข้อความ เราจำได้ ของผู้ช่วยทูตอิสรเอลดังกล่าว

ทำให้สังคมไทยต้องตระหนักว่า ความผิดพลาดดังกล่าวไม่ใช่เพียงการพลั้งเผลอของบุคคลที่โด่งดังในสังคมคนเดียว เนื่องเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สังคมไทยถูกตำหนิในความไม่รู้สีรู้สาต่อปัญหาการรังเกียจเชื้อชาติและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

บทความของ ข่าวสดอิงลิชต่อกรณีนี้ชี้ถึงเหตุการณ์ในปี ๒๕๕๙ เมื่อมีนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากรนายหนึ่งแต่งกายแฟนซีเลียนแบบอะด๊อล์ฟ ฮิตเตอร์ อดีตผู้นำนาซี โดยมีนักศึกษาอื่นแต่งชุด เร็ดการ์ด ของจีนร่วมขบวนด้วย

ย้อนไปในปี ๒๕๕๘ สถานทูตอิสรเอลแสดงความไม่พอใจเป็นลายลักษณ์อักษรว่า “น่าสมเพชที่คนมีการศึกษาดี โอกาศในการขวนขวายหาข้อมูลอันน่าเชื่อถือได้มากกว่าผู้อื่น ขาดสามัญสำนึกที่จะแยกแยะข้อเท็จจริงจากการโฆษณาชวนเชื่อ”
 
เหตุนั้นมาจากการที่ ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร เผยแพร่ความเห็นของตนเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมโฮโลคอสว่าเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อ และแสดงความเห็นใจฮิตเลอร์ว่าถูก ทุนนิยมไซออนนิสต์บ่อนทำลายทางเศรษฐกิจ ม.ล.รุ่งคุณ จบข้อเขียนของเขาด้วยวลี “เฮล ฮิตเลอร์”

ย้อนต่อไปอีกในปี ๒๕๕๖ และ ๒๕๕๔ มีนิสิตจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย และนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ตามลำดับ แต่งกายแฟนซีสำหรับขบวนพาเหรดในชุดนาซี อันมองอย่างผิวเผินได้ว่าเป็นเพียงสมัยนิยมเซี้ยวๆ ‘craze’ เท่านั้น ขนาดเจ้าชายแฮรี่ของอังกฤษก็ยังเคยฉลองพระองค์ชุดนาซีไปร่วมงานสังสรรค์ส่วนพระองค์

แต่ทว่าหัวใจแห่งความผิดพลาดในสังคมไทยที่มาถึง น้ำใสนี้มิใช่เพียงการยอมรับ เครซเป็นทางปฏิบัติแห่งการมีน้ำอดน้ำทน ‘tolerance’ และการเปิดกว้าง ‘openness’ ทางวัฒนธรรม ในขณะที่หลายสิ่งหลายอย่างในสังคมไทยกลับ ยอมรับไม่ได้

ความเป็นไทยๆ ที่ไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์สถาบันชั้นสูง (กษัตริย์ สงฆ์ และตุลาการ) แม้เห็นความผิดพลาดอย่างโจ่งแจ้ง ขณะที่การชมชื่นเผด็จการและการรัฐประหาร (ขนาดเอาดอกไม้ไปมอบให้) กลับเป็นสิ่งที่อ้างว่าคือ ความเท่าเทียม

เหล่านั้นต่างหากทำให้สังคมไทยเป็นประเภท ดัดจริต’ Hypocrite ขาด ใจจริง จึงได้เกิดการผิดพลาดทั้งทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และจิตสำนึกในความทันโลก กันอยู่บ่อยๆ

(http://www.khaosodenglish.com/featured/2019/01/26/thai-idol-group-bnk48-member-wears-nazi-flag-on-stage/, https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1336710, http://www.khaosodenglish.com/life/2015/05/14/1431595555/ และ http://www.khaosodenglish.com/culture/net/2016/09/19/thai-university-students-cosplay-red-guards-nazis-photos/)