วันศุกร์, มีนาคม 10, 2560
ไอ้ที่เดือดร้อนกันอยู่เดี๋ยวนี้เนี่ย 'พ่อคนดี คสช.' โทษเศรษฐกิจโลก
หัวหน้า คสช. นี่มะแร่งไม่เคยทำอะไรผิด แม้พูดพล่อยออกไปก็หาว่าเป็นความผิดของคนฟัง บิ๊กตูด (ไม่ขาด) ซะอย่าง
พอโดนด่าขรมก็จัดแจงให้ห่านอูออกมาแก้น้ำขุ่นๆ เรื่องจะปรับเพิ่มแว้ทอีก ๑ เปอร์เซ็นต์นั่น โทษว่าสื่อเข้าใจผิดเอง
“เรื่องดังกล่าวอาจเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะนายกรัฐมนตรีแค่ต้องการชี้ให้เห็น” พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ชี้แจงว่าประยุทธ์พูดถึง “รายได้หลักของรัฐบาลมาจากการเก็บภาษีแต่เพียงอย่างเดียว ดังนั้น หากประชาชนต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือหรือได้รับเงินจากภาครัฐ ประชาชนก็ต้องรู้จักเสียสละด้วย
โดยได้ยกตัวอย่างว่า หากประชาชนจ่ายภาษี VAT เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ ๑ ก็จะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกกว่า ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท”
แท้จริงแล้ว “ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีไม่มีนโยบายปรับขึ้นภาษีดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะไม่มีรัฐบาลไหนที่จะออกนโยบายซ้ำเติมประชาชนในขณะที่ทุกคนเดือดร้อนเนื่องจากเศรษฐกิจโลกตกต่ำ”
(http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=768903)
ให้มันได้หยั่งงี้ดิ พ่อคนดีของเรียม ต้องย้ำด้วยนะว่าไอ้ที่เดือดร้อนกันอยู่เดี๋ยวนี้เพราะ “เศรษฐกิจโลกตกต่ำ” เท่านั้นเอง
ไม่ใช่เพราะ คสช. อยากได้หน้าทัดเทียมเพื่อนบ้านเรื่องสรรพาวุธเลยต้องซื้อเรือดำน้ำจากจีน สั่งรถถังยูเครนแล้วเหลวก็ต้องไปเอาของจีนมาแทน หรือฟันรัฐบาลก่อนเรื่องจำนำข้าวแล้วชาวนาเดือดร้อนไม่มีอะไรมาทดแทน จึงเบิกคลังเอามาจ่ายแจกง่ายดี แถมซื้อใจข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ขึ้นเงินเดือนให้ได้ปลื้มกัน
ตานี้มีแต่เบิกจ่าย ไม่มีปัญญาหารายได้ทดแทนเข้าคลังให้พอกัน ครั้นเมื่อโยนผิดให้รัฐบาลที่แล้วก็มีคนเขาเอาข้อเท็จจริงมาย้อนแย้งได้ เลยหันไปโทษเศรษฐกิจโลกเป็นข้อแก้ตัวสำเร็จรูป นึกว่าประชาชนมีแต่พวกตอบโพลอยากให้ลุงตูบอยู่นานๆ พูดอะไรเชื่อฟังหมดเพราะไม่เคยโผล่ออกไปเห็นโลกนอกกะลา
ครั้นพูดพล่อยพูดพลาด ใช้วิธีกล่าวหาว่าสื่อฟังไม่ได้ศัพท์จับเอาไปกระเดียดซะงั้น สะดวกอ้างเพราะสื่อสายทำเนียบส่วนมากเป็นพวกชอบเซลฟี่กับนายกฯ ไล่เบี้ยได้ง่าย จะให้เหมือน ‘เจ๊ยุ’ ยุวดี ธัญญศิริ ผู้สื่อข่าวคุณภาพเปี่ยมล้นจนเปื้อนหน้าตัก คสช. ผู้ที่ถูกโรคร้ายคร่าชีวิตเพิ่งจะจากไป เป็นไม่มี
ทางที่ดีต้องดูยูทู้ปพิสูจน์ว่าที่พูดยกตัวอย่างน่ะ ถ้าไม่มีเสียงก้องในกะลา ฟังแล้วรู้เรื่องเข้าใจได้อย่างไร
https://www.youtube.com/watch?v=wIwKlKtzFXU&feature=share
“...จะขอร้องว่า เอ่อ มันได้มั้ย เสียสละได้มั้ย ถ้าขึ้นเปอร์เซ็นต์นึงเนี่ย รายได้รัฐมันก็จะมากขึ้น มันก็กลับมาสู่ที่ทุกคนเรียกร้อง”
ขนาด รสนา โตสิตระกูล อดีต สว. ที่เคยสะพานทอดให้ประยุทธ์และ คสช. ยาตราเข้าสู่อำนาจ แม้หลังๆ จะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับทหารที่ได้ครองอำนาจแล้วไม่ยอมปฏิรูปพลังงานดังพวกตนต้องการ จนบางครั้งโจมตีว่าว่า คสช. เกี๊ยเซี้ยกับระบอบทักษิณเสียด้วย ก็ยังฟัง ‘ได้ศัพท์’ เหมือนสื่อส่วนใหญ่
“ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะขอให้ประชาชนเสียสละจ่ายแวตเพิ่มอีก ๑% ประชาชนก็ขอเรียกร้องรัฐบาลหยุดประวิงเวลาในเรื่องต่อไปนี้” เธอแจงไว้ ๕-๖ ประเด็น อาทิ ภาษีมรดก ภาษีที่ดิน ค่าปรับเชฟรอน และภาษีย้อนหลังชินคอร์ป
“ขอให้รัฐบาลทำงานให้เข้าตาประชาชนเสียก่อนเถิด ว่ารัฐบาลบริหารบ้านเมืองเพื่อประโยชน์ประชาชน ไม่ใช่มุ่งรักษาประโยชน์แต่กลุ่มทุนผูกขาด และประวิงเวลาไม่ทำในสิ่งที่ประเทศและประชาชนได้ประโยชน์” เธอย้ำ
(https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_27625)
โดยเฉพาะกรณีภาษีมรดก ที่มีกฎหมายบังคับใช้มาได้ ๑ ปีเต็มแล้ว แต่ปรากฏว่าสรรพากรยังไม่สามารถจัดเก็บได้เลย
ทั้งที่ ‘ฐานเศรษฐกิจ’ ซึ่งเสนอข่าวนี้ยกย่องว่า “กฎหมายเรียกเก็บภาษีจากการรับมรดกและการยกให้โดยเสน่หา ถือเป็นกฎหมายประวัติศาสตร์ที่...เพิ่งมาสำเร็จในรัฐบาลปัจจุบัน” ก็ตาม
(http://www.thansettakij.com/2017/03/01/132859)
ฐานเศรษฐกิจอ้างความเห้นของนายกิติพงษ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการบริษัทที่ปรึกษากฎหมาย เบเกอร์แอนด์แม็คเค็นซี่ ว่า
“ปัญหาการเก็บภาษีมรดกไม่ได้ เพราะกฎหมายกำหนดวงเงินที่ต้องเสียภาษีไว้สูง” นั่นคือต้องมีมูลค่าเกิน ๑๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งผู้เป็นบุพการีหรือผู้สืบสันดานจะต้องเสียภาษีในอัตรา ๕ เปอร์เซ็นต์ของจำนวนที่เกินร้อยล้านไปแล้ว
นอกจากนั้น ในประเทศไทยยังมีช่องทางเลี่ยงภาษีสำหรับการจัดการมรดกได้ง่ายๆ ด้วย
เหตุนี้ละมังที่นายกฯ ลุงตูดไม่ขาด มองข้ามการจัดเก็บภาษีที่มีกฎหมายกำกับอยู่แล้วไปเสียได้ คิดจะหันไปรีดเลือดพวกคนที่รักอิปูว์แทน (พวกรากหญ้าหน้าไม่นวลฐานเสียงพรรคเพื่อไทย)
ในเมื่อรายได้เข้ารัฐโดยภาษีอากรจำนวนมากที่สุดมาจากภาษีมูลค่าเพิ่ม แว็ต ๗ เปอร์เซ็นต์นี่ละ
และคนที่จ่ายค่าแว้ทมากกว่าใครในหมู่ประชากรก็คือผู้มีรายได้น้อย ใช้แรงงาน หาเช้ากินค่ำ เลิกจากงานก่อนเข้าบ้านแวะเซเว่นซื้อเกี๊ยวน้ำไมโครเวฟกินนั่นแหละ