วันจันทร์, มีนาคม 27, 2560

พูดแบบคนหน้าด้าน





วันก่อนซัดเอ็นจีโอ วันนี้อัดคนไทยที่หนีไปต่างประเทศ ที่สุดแล้วก็คือแบบบทหาความชอบธรรมกดหัวประชาชน และกะอยู่ยาว

“คนที่พยายามกล่าวหาและกดดันรัฐบาลนี้ ส่วนตัวไม่ทราบทำไปเพื่ออะไร แต่เมื่อยิ่งไล่ก็ยิ่งจะทำและ ‘อยู่ต่อ’ เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน โดยเฉพาะถ้าคนไทยไม่ดีขึ้นภายใน ๕ ปี”

(http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=133102&t=news)

ถ้าไม่ดีขึ้นก็อยู่ต่อ พูดแบบนี้เหมือนหน้าด้าน นี่ คสช.อยู่มาสามปียังไม่มีอะไรดีกว่าเมื่อก่อนรัฐประหารสักอย่าง อีกสองปีก็ยังจะไม่ดีขึ้น ทั่นนายกฯ คนเก่งกรุยทางไว้แล้ว อยู่แก้ปัญหาแต่ว่าสร้างปมต่อไป

แม้กระทั่งความสงบที่พวกสลิ่มอ้าง เดี๋ยวนี้สงบที่ไหน พวกนักเลงบนท้องถนนเกลื่อนไป ไม่พอใจถึงฆ่าแกง โดยเฉพาะพวกอยู่ในเครื่องแบบกร่างใหญ่ กรณียัดยาบ้าฆ่านักกิจกรรมชาวเขาเป็นเยี่ยงอย่าง

๒๔ มีนาคม ประยุทธ์กล่าวหาพวกองค์กรพลเรือน (หรือภาคประชาชน) ว่าจ้องแต่จะค้านเท่านั้น “บางทีก็ไปพูดจาเสียหายในต่างประเทศ”

(http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1490406795)

วันนี้เอาอีก “มีคนไทยกลุ่มหนึ่งที่หนีไปต่างประเทศ และกล่าวหาทำให้ประเทศไทยเสียหาย ซึ่งตนเองไม่เข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไร”

ตอบแทนก็ได้ว่าทำเพื่อให้ประชาชนรับรู้ว่า รัฐบาลทหารที่ยึดอำนาจเขามานั้นไม่ได้มีน้ำยาอะไรเลย นอกจากกดขี่ข่มเหงฝ่ายเห็นต่างแล้ว ตัวหัวหน้าชอบบริภาษณ์เป็นประจำ





เห็นพวกเอ็นจีโอส่วนหนึ่งตอบกลับเอาบ้าง ยังไม่เห็นทั่นนายกฯ ตอบกลับบ้างอย่างใด

“การใช้คำพูดที่ว่า ทำตัวเป็นจรเข้ขวางคลอง ขัดขวางการพัฒนา ดูจะรุนแรงพอควร” แกนนำเอ็นจีโอรายหนึ่งซึ่งเคยเป่านกหวีดเรียกแขกให้คณะทหารเข้ามายึดอำนาจ ออกมาแถลงโต้

“การออกมาพูดเชิงตำหนิตัดพ้อ NGOs เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าท่านมีข้อมูลไม่มากพอ...

ท่านก็รับคำพูดหรูๆ มาใช้ไม่ว่า ‘เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง’ (แต่คนส่วนใหญ่จะตกทะเลตายกันหมดแล้วเพราะปัจจัยการผลิตถูกรวบอยู่ในมือคนเพียงบางกลุ่ม)

‘มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน’ บ้างละ แต่วิธีการใครมั่งคั่งท่านเคยตรวจสอบไหม...

ถ้าท่านคิดว่าท่านคิดถูกทำถูกอยู่คนเดียวในทุกๆเรื่อง...เราก็คงต้อง ‘กอดคอตีเข่า’ กับท่านต่อไป แม้รู้ดีว่ากระดูกเราคนละเบอร์แต่ขอเรียนว่าไม่กลัวท่านสักนิด อย่ามาเล่บบทข่มขู่กันเลยครับ”

(http://www.matichon.co.th/news/508011)

ทีกับชาวบ้านอยู่อาศัยในพื้นที่ประกาศเป็นป่าสงวนที่จังหวัดชัยภูมิ ไม่กี่ครอบครัว กลับถูกเจ้าหน้าที่เข้าไปทุบเรือนอาคารอยู่อาศัยพังทลาย ต้องพากันร้องเรียนระงม

หรือการที่อดีตนักการเมืองพรรคเพื่อไทยจัดทำโปรโมชั่นหนังสือเกี่ยวกับโครงการจำนำข้าว ‘ทำลายจำนำข้าว แต่ฆ่าชาวนา’ เพียงเป็นการเสนอเวอร์ชั่นของพวกเขาให้สาธารณะรับรู้ เท่านั้นแต่ คสช. รับไม่ได้ ส่งทหารไปห้ามจัดงานเสียนี่

(https://www.facebook.com/…/272…/permalink/1381909678555093/…)





ขณะที่การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ก็ยังดำเนินไม่หยุดยั้ง ซึ่งไม่ใช่การ ‘เตรียมรบให้พร้อมสรรพ’ อีกแล้ว เพราะถึงอย่างไรคงไม่มีสงครามปกป้องอิสรภาพเกิดขึ้นในช่วงอายุของพวก คสช. แน่ๆ

นอกจากจะอี๋อ๋อซื้อเรือดำน้ำ รถไฟฟ้า จากจีนขนานใหญ่จนกลายเป็นมหามิตรรายใหม่ เดี๋ยวนี้ก็เข้าไปแนบสนิทกำลังจะซื้อรถหุ้มเกราะจากรัสเซียด้วย

“รัฐบาลไทยยังแสดงความสนใจในยุทโธปกรณ์อื่นๆ ของรัสเซีย โดยเฉพาะระบบป้องกันทางอากาศ ไม่ว่าจะเป็นเฮลิคอปเตอร์ ‘มิล เอ็มไอ-17” (Mil Mi-17), เครื่องบินขับไล่ ‘ยาโคเลฟ ยัก-130’ (Yakovlev Yak-130), ซูคอย ซู-30 (Sukhoi Su-30) และเบอเรียฟ เบ-200 (Beriev Be-200)W

(http://www.komchadluek.net/news/foreign/267001)

ในเมื่อสองประเทศที่น่าจะเป็นอริมากกว่าหากพยายามขยายอิทธิพลสู่เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ กลายมาเป็นพี่เอื้อยคู่ค้าอาวุธเสียแล้ว ผลได้อย่างเดียวกับการนี้เป็นการที่ คสช. นำไทยเข้าสู่วงจรบริวารเขตอิทธิพลของจีนและรัสเซีย

หากแต่ผลได้อย่างนี้จะทำให้ประเทศไทยขาดความน่าไว้วางใจในหมู่ประเทศตะวันตกยิ่งขึ้น สถานะในสายตาของนานาชาติประชาธิปไตยอารยะ ไทยกลายเป็นพวกหัวมงกุฏท้ายมังกร