วันพุธ, มีนาคม 22, 2560
"จ่านิว" สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ เปิดใจว่าไม่มั่นใจความปลอดภัยหากได้รับคัดเลือกเป็นทหารเกณฑ์จริง
ที่มา FB
Sirawith Seritiwat
เห็นข่าวว่าปีนี้ทางกองทัพบก มานะจัดทำลิสต์รายชื่อบุคคลที่ต้องเกณฑ์ทหาร โดยทำลิสต์นักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหว ในปีนี้เป็นพิเศษ
การเกณฑ์ทหารก็แทบเแ็นเรื่องปกติของ ผู้ชายไทยที่ถือสัญชาติไทย ต้องผ่านกระบวนนี้อยู่ ผมก็ไม่เข้าใจว่า จะลิสต์รายชื่อผมกับเนติวิทย์ มาทำเพื่ออะไร ดูแล้วน่าจะมีเจตนาแอบแฝงอย่างแน่นอน
แม้ผมจะไม่เห็นด้วยกับการเกณฑ์ทหาร แต่ผมก็ไม่ได้ปฎิเสธกระบวนการตามกฎหมาย ก็ไปรายงานตัวและผ่อนผันตามขั้นตอน
ซึ่งปีนี้ผมก็ได้เตรียมตัวไปตามวันนัด
ซึ่งในวันตรวจเลือกก็ทำตามขั้นตอนไป อย่าได้มีสิ่งผิดปกติหรือเล่นตุกติกก็แล้วกัน
ไม่นั้นผมจะด่ากราดกันตั้งแต่เสมียนยันประธานกรรมการตรวจเลือกกันเลยทีเดียว
ผมถือว่าผมทำตามขั้นตอนตามกฎหมายในฐานะพลเมือง ไม่เคยขาดการรายงานตัวจากการผ่อนผัน
ทางกองทัพอย่าเล่นตุกติงหรือใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองแล้ว
กองทัพเห็นผมไม่ต่างกับปฏิปักษ์ คนในกองทัพบางคนก็เคยทำระยำกับผมไม่น้อย
ตอนนี้ผมไม่มีความไว้วาง แต่ในวันตรวจเลือกผมจะไป จะได้รู้กัน
...
"ถ้าผมเข้าไปถูกกระทืบตายแน่"
คงไม่ได้มีแค่เนติวิทย์หรือผมหรอกครับที่กังวลเรื่องในการเกณฑ์ทหาร คนทั่วไปเขาก็กลัวและกังวลเหมือนกัน
มีหลักประกันอะไรล่ะครับ ว่าจะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้ ต่ออมโบสถ์วัดพระแก้วมายืนยัน ผมก็ไม่เชื่อและไม่มีใครเชื่อด้วย
ความสัมพันธ์ในแง่อำนาจระหว่างครูฝึกกับทหารผู้ถูกไม่เท่าเทียมกัน ในรูปแแบบการบังคับบัญชาของทหาร ก็เป็นลักษณะนี้ทุกที่ แต่ของไทยมักจะปรากฏเรื่องราว ความบ้าอำนาจของครูฝึก การใช้ อำนาจ้บังคับบัญชาในเรื่องไม่เป็นเรื่อง และไม่เกี่ยวข้องกับการฝึกปฏิบัติหน้าที่ ความบ้าอำนาจใช้อำนาจอย่างป่าเถื่อน และเกินกว่าเหตุนำไปสู่การใช้ความรุนแรงอย่างหนักและทำให้อับอาย
ทั้งๆที่การใช้อำนาจนั้นไม่ได้มีอยู่ในข้อบังคับ แต่สุดท้ายคนพวกนี้ก็หาเหตุผลข้างๆคูๆมาอธิบาย ทั้งๆที่ไม่เกี่ยวกับการฝึกเลย
พูดง่ายๆครับ แทนที่จะใช้อำนาจบังคับบัญชาตามที่ทำได้อย่างถูกกฎเกณ์ กับใช้อำนาจอย่างบ้าคลั่งและป่าเถื่อน จนนำไปสู่การกระทำที่เกินกว่าต่อคนที่เข้าไปเป็นพลทหาร ทำกับเขาประดุจไม่ใช่คน จนบางครั้งนำไปสู่การสูญเสียแทบทุกปี
อีกทั้งกลไกกระบวนการยุติธรรมก็ไม่ช่วยไขข้อสงสัยหรือเยียวยา เหตุการณ์ เหล่านี้ได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือกรณีที่คุณนริศรา เรียกร้องความเป็นธรรมและฟ้องร้องกรณีที่พลทหารที่เป็นญาติของเขาถูกซ้อมในค่ายทหาร จนบัดนี้ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม แถมถูกคู่กรณีฟ้องกลับ และคู่กรณีที่ถูกกล่าวหาว่าซ้อมพลทหารคนนั้น กลับได้รับการเลื่อนยศอีก
อีกทั้งในส่วนของทหารก็มีวิถีปฏิบัติที่เป็นเหมือนระเบียบ ที่เปิดช่องให้ใช้ความรุนแรงเกินกว่าได้ เช่น
สั่งซ่อม โดนซ่อม ก็คือซ้อม
จำหน่ายตาย หมายถึง ให้มีการตายได้ ผมจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ 5%หรือ5คน
เอาล่ะแม้จะไม่มีระบุชัดเจน แต่การพูดลักษณะนี้ มันสะท้อนว่ามันต้องมี แทนที่จะทำให้ศูนย์แต่กับเปิดช่อง จึงไม่แปลกที่จะมีการใช้ความรุนแรน จนเกินกว่าและนำไปสู่ความตาย
ก็ดูเอาครับ ใครจะไปมั่นใจกับสิ่งที่กองทัพพูด
และไม่ต้องรอให้ผมไปเป็นทหารเกณฑ์หรอก แค่ผมเป็นพลเรือนที่ต่อต้านการรัฐประหารของกองทัพ
ก็เคยถูกทำความรุนแรงจากทหารบางคน ก็หลายครั้ง เช่นเหตุการณ์
1)วันที่ 22มิ.ย.2014 ทหารนอกเครื่องแบบไปควบคุมตัวผมกับเพื่อนๆที่สยามพารากอนอย่างรุนแรง มีคลิปในเว็บสำนักข่าวwhite news
2)วันที่7ธ.ค.2015 ที่ สห. 6คน ไปรุมผมเพื่อล็อคตัวผมขึ้นรถบัสทหาร
และ
3)วันที่ 20 ม.ค.2016 ที่มีทหารไปอุ้มตัวผมจากประตูเชียงราก มธ.รังสิต ที่จับผมคุมหัว แล้วพาไปป่าหญ้า เพื่อข่มขู่และลงไม้ลงมือ ใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายผม
ยังไม่นับเหตุการณ์ที่มาข่มขู่ผมและที่บ้านผม
จากปรากฏการณ์ที่เป็นข่าวทุกปีและสิ่งที่ผมต้องประสบ
ผมไม่มีทางมั่นใจและเชื่อมั่นเรื่องที่บอกว่า ไม่มีการกลั่นแกล้ง ไม่มีการใช้ความรุนแรง จากปากของคนระดับสูงในกองทัพได้แน่นอน
ooo