วันจันทร์, มีนาคม 20, 2560
นับวันยิ่งชัด รัฐไทยวันนี้ ‘เผด็จการทหารมาเฟีย’ ไล่ล่านักประชาธิปไตย ใส่ไคล้ฝ่ายตรงข้าม ขูดรีดผู้แพ้ และข่มเหงชาวบ้านป่าดอย
นับวันยิ่งชัด รัฐไทยวันนี้ ‘เผด็จการทหารมาเฟีย’ ไล่ล่านักประชาธิปไตย ใส่ไคล้ฝ่ายตรงข้าม ขูดรีดผู้แพ้ และข่มเหงชาวบ้านป่าดอย
ตั้งแต่กรณีศาลขอนแก่นออกหมายเรียกดำเนินคดีนักศึกษาสี่คนที่ไปให้กำลังใจ ไผ่ ดาวดิน หาว่าละเมิดอำนาจศาล เพราะถ่ายรูปบุคคลในบริเวณศาลแล้วนำไปวิจารณ์บนเฟชบุ๊ค ซึ่งนักกฏหมายมหาชนสายฝรั่งเศส Piyabutr Saengkanokkul ชี้ว่า
“ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลมีเจตนารมณ์ป้องกันไม่ให้เกิดการขัดขวางการพิจารณาคดี ไม่ใช่ใช้เล่นงานคนวิจารณ์ศาล”
และ อจ. สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ เสริมว่า “ปัญหาสำคัญมากจากการรัฐประหาร ๒ ครั้งที่ผ่านมา คือ ความเสียหายของสถาบันศาล ซึ่งมี ๓ ประเด็นสำคัญ คือ
๑.การตัดสินนอกตัวบทกฎหมาย แต่ใช้การตีความตามอำเภอใจ ๒.การนำเอาสถาบันศาลไปรับรองความชอบธรรมของการรัฐประหาร และคำสั่งทั้งหลายของคณะรัฐประหาร ๓.การใช้กระบวนการยุติธรรมแบบสองมาตรฐานอย่างชัดเจน”
มาถึงการที่ทหาร-ตำรวจบุกค้นบ้าน ‘โกตี๋’ แกนนำเสื้อแดงปทุมธานีซึ่งลี้ภัยไปอยู่นอกประเทศสามปีกว่าแล้ว พบอาวุธสงครามเพียบ แล้วยังมียาบ้าจำนวนหนึ่งด้วย
(http://www.thairath.co.th/content/888502)
จึงได้มีการกล่าวหาว่า “กลุ่มนายโกตี๋ได้เตรียมที่จะใช้อาวุธก่อเหตุสังหารผู้นำในรัฐบาล ซึ่งก็คือนายกรัฐมนตรี และยังเคยประกาศว่าหากรัฐบาลใช้กำลังเข้าปราบปรามวัดธรรมกาย ก็จะใช้กองกำลังพร้อมอาวุธเข้าช่วยเหลือ”
(http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=132298&t=news)
ไม่เพียงเจ้าตัว นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ อดีตโฆษกวิทยุชุมชนปทุมฯ ออกมาโต้ผ่านสื่อยูทู้ปว่า “อาวุธที่ค้นเจอนั้นตนยืนยันว่าไม่ใช่ของตนแน่นอน มีการจัดฉากต้องการเล่นงานเครือข่ายของตนทั้งหมด...
ออกจากเมืองไทยมา ๓ ปีแล้ว อาวุธถ้ามีมากขนาดนั้นผมถล่มพวกเขาไปนานแล้ว ไม่เอาไว้หรอก นอกจากนี้ตนจะสะสมอาวุธไว้ทำไมในเมืองไทย ที่ใจกลางเมืองขนาดนั้น จัดฉากไม่เนียน”
(http://www.matichon.co.th/news/500594)
มีคนช่างสังเกตุชี้ให้เห็นจากภาพที่ ผบ.ตร. และรองฯ ไปตรวจของกลาง ว่าอ๊ะ “ปืนที่ ตร. ไปจับคลังอาวุธโกตี๋เป็น ‘บีบีกัน’ เพราะสายโผล่” (คำของ บก.ลายจุด)
“แม็กโม่ไฟฟ้า ๖๐๐ นัด ขวามือของภาพก็ของ BB GUN ปืนนับตั้งแต่ MP5 ขึ้นไปทางขวา BB Gun หมด”
ข้อสำคัญมีพลเมืองไซเบอร์ขุดค้น ‘กระปุกดอทคอม’ เจอข่าวเมื่อ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๗ รายงานว่า
“พ.ต.อ.ประสพโชค (พร้อมมูล) ได้นำกำลังเข้าตรวจบ้านพักและสถานีวิทยุของโกตี๋ ที่ จ.ปทุมธานีแล้ว เบื้องต้นไม่พบตัวนายวุฒิพงศ์ และสิ่งผิดกฎหมายใดๆ”
แบบนี้ ‘จัดฉากไม่เนียน’ ของแท้ สมแล้วที่ ‘ใบตองแห้ง’ เหน็บให้ว่า “๓ ปีเพิ่งจับ ไม่รอให้มีเลือกตั้งก่อนล่ะ...
ระดับโกตี๋ที่คุณตีปี๊ปว่าฮาร์ดคอร์ตัวพ่อ...มันน่าจะกวาดล้างหมดภายใน ๒-๓ เดือน ไม่ใช่ ๓ ปีเพิ่งเจอคลังแสง โห ไปหลับที่ไหนมา”
ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ตื่นพอดี แต่ “ไม่ได้ให้หลักฐานอะไรหนุนข้อกล่าวหาว่าเป็นการเตรียมลอบสังหารทั่นผู้นำ” ข่าวรอยเตอร์ระบุ
(http://www.reuters.com/a…/us-thailand-politics-idUSKBN16Q0MG)
“ซ้ำบอกว่านายวุฒิพงศ์นี่มักจะต่อต้าน คสช. อยู่เสมอ กลุ่มนี้เคยคาดหมายไว้ทางโซเชียลมีเดียว่านายกรัฐมนตรีจะต้องถูกฆ่า”
นี่นะข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายลอบสังหารคนใหญ่คนโต จะให้มันสมเหตุสมผลสักนิดก็ไม่มี แล้วคนเหล่านี้ ระดับ ผบ.ตร. ของประเทศไทยไม่สน ไม่แยแสกันหรือว่า การสมเหตุสมผลควรเป็นอย่างไร
เช่นเดียวกับระดับตัวนายใน คสช. อย่างทั่นรองฯ ฝ่ายกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ ถูกนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นร้องเรียนสรรพากรให้ตรวจสอบการเสียภาษี (กรณีมีทรัพย์สินเป็นเช็ค ๑ ล้านบาท) แทนที่จะชี้แจงกับสรรพากรหรือแสดงหลักฐานยืนยัน กลับไล่เบี้ยข่มขู่ผู้ร้องเรียน
ที่ร้ายกว่านั้น พวกทหารลิ่วล้อและลูกน้องที่ถือปืนติดมือขณะปฏิสัมพันธ์กับชาวบ้าน ทำตัวเป็นสิงห์มือไวเหนี่ยวไกคร่าชีวิตคนง่ายๆ ดังรายงานข่าวเหตุการณ์ที่เชียงดาว เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม
เจ้าหน้าที่ทหารร้อย ม.๒ บก.ควบคุมที่ ๑ ฉก.ม.๕ ประจำจุดตรวจบ้านรินหลวง ตรวจค้นรถยนต์ฮอนด้าพบยาบ้า ๒,๘๐๐ เม็ด ซ่อนอยู่ในกรองอากาศ จึงจับกุมคนขับรถ แต่ผู้ที่นั่งข้างคนขับวิ่งหนี
“เจ้าหน้าที่ทหารวิ่งติดตามใกล้ถึงตัว แต่บุคคลดังกล่าวได้เงื้อระเบิดในมือจะขว้างใส่ ทหารจึงใช้อาวุธปืนเอ็ม ๑๖ ประจำกาย ยิงป้องกันตัว ๑ นัด เป็นเหตุให้เสียชีวิตที่เกิดเหตุ”
(http://www.matichon.co.th/news/500218)
นั่นคือรายงานทางการ แต่หลังจากนั้นข้อเท็จจริงปรากฏว่านายชัยภูมิ ป่าแส หรือ ‘จะอุ๊’ ผู้ตายเป็นเยาวชนนักกิจกรรมเชื้อสายชาวเผ่าลาหู่ อายุ ๑๗ ปี เป็นนักแต่งเพลงและเคยได้รับรางวัลดีเด่นจากการผลิตหนังสั้นเรื่อง ‘เข็มขัดกับหวี’
เขายังเป็นตัวแทนเครือข่ายเยาวชนต้นกล้า จ.เชียงราย เคยเข้าร่วมโครงการ ‘เด็กและเยาวชนส่งเสียงเพื่อสื่อสารสังคม’ ของมูลนิธิส่งเสริมเพื่อเด็กและเยาวชน สถาบันเด็กและเยาวชน (สสย.)
จะอุ๊เป็นนักกิจกรรมที่รักใคร่ของชุมชน เป็นคนมีบุคคลิกร่าเริง ซึ่งนอกจากจะให้ความช่วยเหลือแก่สมาชิกชุมชนแล้วยังให้ความบันเทิงแก่เด็กๆ ในชุมชนเป็นนิจสิน
จึงเป็นที่กังขาของคนที่รู้จักและเคยสัมผัสกับเขาว่า การวิสามัญฆาตกรรมนายจะอุ๊โดยทหารครั้งนี้ ‘เกินกว่าเหตุ’ หรือลุแก่อำนาจกันแน่ โดยไม่ต้องพูดถึงการที่ด่านตรวจพบยาบ้าในรถเฉพาะตรงด่านที่เกิดเหตุนั้นอยู่เสมอ (หากตรวจก่อนถึงด่านจะไม่พบ)
คอมเม้นต์ของอธึกกิต แสวงสุข จึงฟังขึ้นอย่างยิ่ง “ระเบิดมันต้องถอดสลักนะครับ ถ้าถอดสลักแล้วจะขว้างใส่ทหาร ทหารยิง มันก็ต้องตกลงมาระเบิดตูม นี่แปลว่ากำลังจะปาระเบิดทั้งที่ไม่ถอดสลัก มีด้วยเรอะ”
ตามสื่อสังคมวันนี้ มีการแชร์ข้อความรำลึกและอาลัยนายชัยภูมิกันอย่างกว้างขวาง “เกลียดกระบอกปืนที่ทำลายความฝัน ทำลายชีวิต” เป็นคำของ Maitree Savelahu
ส่วน Pornsuk ‘Pim’ Koetsawang ท้าวความถึงบิลลี่ “ที่ถูกทำให้หายไป” เมื่อ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๗ “และทุกอย่างยังดำมืด”
“๑๗ มีนาคม ๒๕๖๐ จะอุ๊ถูกปลิดชีวิตด้วยวิสามัญฆาตกรรม อันมีเงื่อนงำ...
ทั้งสองครั้งฉันรับรู้ความรู้สึกและรับทราบคำถามที่เกิดขึ้นในหัวสมองหมู่น้องๆ ที่ร่วมอยู่ในโครงการเกี่ยวก้อย
บิลลี่ ดูแลน้องด้วยนะ”
บิลลี่คนนี้ ที่ชีวิตถูกปลิดทิ้งของเขาโดยเจ้าหน้าที่รัฐทหารมาเฟียไทย ถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นซักถามคณะตัวแทนของรัฐบาล คสช. ที่พากันเสนอหน้า ๔๖ ร่างไปชี้แจงอ้ำอึ้งแถไถและใบ้แดก ในการประชุมตรวจสอบความประพฤติทางด้านสิทธิมนุษยชนของไทย โดยคณะกรรมาธิการสหประชาชาติ หลัดๆ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง
บิลลี่ไม่เพียงแต่จะดูแลจะอุ๊ วิญญานของเขาทั้งสองจะชวนกันมาหลอนรัฐบาลทหารไทยในปีหน้าและปีโน้นอีกแน่นอน