วันพุธ, มีนาคม 22, 2560
ความหมือนและต่างของ "ลุงตูบ" กับ "ลุงเต้"
ประธานาธิบดี Duterte ของฟิลิปปินส์ มาเป็นเซเล็บวาบหวามใจคนไทยสายสลิ่ม ก็เพราะความละม้ายกับลุงตู่ของพวกเขาน่ะเอง
ดูจากที่ Deep Blue Sea @WassanaNanuam ยกย่องไว้เก๋ไก๋ ถึง “ความน่ารักของ ‘ลุงเต้’...ที่คนไทยชื่นชม คือ ทั้งติดริบบิ้นไว้อาลัยในหลวง ร.๙ และไหว้สวย” แล้วใจหวิวเต้นเร่า
ไม่ยักมีใครเทียบเคียงจุดอ่อนจุดแข็ง ‘บิ๊กตูบ’ กับ ‘เฮียทรั้มพ์’ บ้างล่ะ ในทางวิชาการเหมือนที่เปรียบเปรยกับลุงเต้น่ะ ในฐานดูแตร์เต้โด่งดังในทางสากลเพราะเขาถุกเอาไปเปรียบเทียบกับนายดอแนลด์ ทรั้มพ์
ถ้าจะให้เหน็บแนมอย่างบ้านๆ แบบรากหญ้า ก็คงต้องว่าทั่นตู่กับทั่นทรั้มพ์เก่งเหมือนกันตรงการใช้ภาษาใบหน้า คนหนึ่งยักคิ้วหลิ่วตา อีกคนจีบปากจีบคอ นอกนั้นยากจะหาอะไรมาเทียบกันได้
ไม่เหมือนลุงเต้ของวาสนากับบิ๊กตูบของนักข่าวสาวๆ คาโรอาเกะสายทำเนียบ มีคนเอามาเปรียบเทียบกันอื้อ
เริ่มจาก นสพ.สเตร๊ทส์ไทมส์ของสิงคโปร์เมื่อสามวันก่อน ตอนดูเตอร์เต้เสร็จจากเยือนพม่ากำลังจะแวะมาไทยเป็นแห่งสุดท้ายของการเดินสายแนะนำตัวหมู่ประเทศอาเซียน
ย้าสมิน ลี อาร์ปอน ผู้สื่อข่าวสเตร๊ทส์ไทมส์ประจำไทยเกริ่นว่าคนไทยส่วนมากพอเห็นเธอจะเหมาเอาว่าเป็นคนท้องถิ่น พอบอกว่าเป็นฟิลิปินโนเขาจะโพล่งออกมาว่า อ้อ ‘ดู-เต-เต้’ ผู้ซึ่งมาแทนที่แมนนี่ แพ็คเกียว เร็วๆ นี้เอง
เมื่อดูเตอร์เต้บริภาษณ์ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่าของสหรัฐว่า ‘ลูกอีช็อคกาลี’ บันดาลอาการสะใจให้แก่คนไทยจำนวนหนึ่ง รวมถึงเทพชัย หย่อง แห่งเดอะเนชั่น ที่ชมชอบหนักหนาว่าช่างกล้าหาญด่าผู้นำประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกได้ ประดุจดังละอ่อนเดวิดกับยักษ์โกไลแอ็ธ
นั่นเป็นการอ้างอิงให้เห็นภาพจริงว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยยกย่องดูเตอร์เต้ กระทั่งนักธุรกิจอย่างวีรชัย วชิรกำธร อายุ ๖๔ ออกปากว่าดีจังฟิลิปปินส์มีประธานาธิบดีที่เข้มแข็ง ไม่เหมือนประธานาธิบดีหญิงที่ชื่อกลอเรีย อาโรโย่ ได้รับเลือกตั้งหลังจากการประท้วงครั้งใหญ่ แล้วไปโดนข้อหาคอรัปชั่นต้องติดคุก
ริชาร์ด เฮย์แดเรียน นักวิจัยให้ความเห็นกับสเตร๊ทส์ไทมส์ว่า ดูประเทศไทยกับฟิลิปปินส์เหมือนทางคู่ขนาน ทั้งคู่เป็นคู่สนธิสัญญาพันธมิตรกับสหรัฐที่เกิดอาการปีนเกลียวกันในรอบสามปีที่ผ่านมา เหมือนอยู่ในตะกร้าเดียวกัน ถ้าจะต่างเห็นอกเห็นใจก็ไม่น่าต้องฉงนอะไร
ส่วน ดร.ฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ แห่งสถาบันความมั่นคงและการศึกษานานาชาติ (จุฬา) แทบจะฟันธงเลยว่า “ทั้งสองมีสไตล์คล้ายกัน”
(http://www.straitstimes.com/…/move-over-manny-duterte-is-th…)
แต่สำหรับ พิมพ์สิริ เพชรน้ำรอบ แห่ง The Asian Forum for Human Rights and Development กลับเห็นว่า “ไทยกับฟิลิปปินส์กำลังเผชิญกับข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่คล้ายคลึงกัน นั่นคือเรื่อง ‘การละเมิดสิทธิมนุษยชน’
ทั้งในความเหมือนและต่าง “ตั้งแต่ดูเตอร์เตขึ้นมารับตำแหน่ง ความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาก็ขยับห่างขึ้นเรื่อยๆ แล้วหันมาใกล้ชิดกับจีนและรัสเซียมากขึ้น
ซึ่งตรงนี้เป็นแนวโน้มและทิศทางเดียวกันกับประเทศไทย หลังจากที่รัฐบาลทหารขึ้นมามีอำนาจ”
รวมทั้งบุคคลิกภาพส่วนตัว “ไม่ว่าจะเป็นคำพูดโผงผางที่ชิงพื้นที่สื่อได้เสมอ หรือแนวคิดที่ไม่ยอมอ่อนต่อตะวันตกของทั้งคู่
หากแต่ว่าคำพูดต่อต้านตะวันตกของประธานาธิบดีดูเตอร์เตนั้นจะปรากฏบนเวทีโลก ขณะที่นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์นั้นจะยอมให้กับกระแสการเมืองโลกมากกว่า...
พิมพ์สิริมองว่าพลเอกประยุทธ์จะไม่กล้าเปิดหน้าแลกเท่ากับประธานาธิบดีดูเตอร์เต้”
ถึงอย่างนั้นปัญหาพิพาทอาณาเขตทางทะเลในทะเลจีนตอนใต้ ที่หมู่เกาะสแปรทลี่ย์และหมู่เกาะปะการังสการ์โบโรห์ โชล ก็ทำให้ดูเตอร์เต้ผะอืดผะอมอยู่ไม่น้อย
(http://themomentum.co/momentum-feature-rodrigo-roa-duterte-…)
แต่สำหรับประยุทธ์ ผู้นำรัฐบาลทหารไทยถึงจะไม่โผงผางกับตะวันตกเหมือนดูเตอร์เต้ แต่การหันไปซบอกจีนนั้นดูจะแนบเนื้อมากกว่า น่าจะเป็นเพราะจีนให้ซื้อสองแถมหนึ่ง
เมื่อวานนี้ลุงตูบออกมาย้ำเรื่องที่บิ๊กตือแผ่นเสียงตกร่องมาหลายครั้งแล้วว่า อย่างไรเสียกองทัพเรือก็ต้องซื้อเรือดำน้ำจากจีน คราวนี้ประยุทธ์ยืนยันว่าซื้อ ๓ ลำ ในราคา ๒ แถม ๑
“รู้สึกว่าราคาจะถูกที่สุด และคุณภาพใช้ได้ มีการบริการต่างๆ ทั้งระบบอาวุธ ระบบการซ่อม อะไรต่างๆ การช่วยสนับสนุน ก่อสร้างโรงเก็บเรือ ที่เป็นข้อเสนอเพิ่มเติมขึ้นมา...
และในวันนี้กองทัพไทยก็ซื้อของแบบนี้ เพราะเงินเรามีน้อย”
(http://www.matichon.co.th/news/503040)
อ๊ะ เงินน้อยก็ต้องชะลอไว้ก่อน อย่าเพิ่งเร่งซื้อสิ รีบร้อนไปทำไร ทำยังกะเหมารวมเป็นแพ็คเกจ ต้องซื้อ ทั้งรถไฟฟ้า รถถัง และเรือดำน้ำ จากจีนพร้อมกันหมดในยุคนี้