เก็บความจากเพจ
Pavin Chachavalpongpun
เข้าไปเกณฑ์ทหารแล้วได้อะไร บางคนดีเฟนด์ว่า ได้ทักษะเรื่องกลยุทธ์โน่นนี่นั่น ผมเรียน รด มาแล้วขอบอกเลยว่า ไม่ได้อะไรทั้งสิ้น นอกจากไอ้ระบบ chain of command ที่ใช้กันดาษดื่นในหมู่ทหาร... ในบรรดาสถาบันของไทยทั้งหมด สถาบันทหารอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดในเรื่องการผลิตบุคคลที่มีคุณภาพ เพราะสถาบันนี้ไม่ได้สอนให้คิด แต่สอนให้รับคำสั่ง ไม่ได้สอนให้ท้วงติง แต่สอนให้เชื่อฟังอย่างเดียว เมื่อทำผิด ต้องถูกลงโทษทางกายภาพ ความไม่ต้องการทำผิดจึงไม่ได้เกิดจากการเรียนรู้ แต่เกิดจากความกลัวเท่านั้น ผมไม่ได้ดูถูกสถาบันทหารทั้งหมด แต่ทหารมีหน้าที่เฉพาะอย่าง ที่พลเรือนไม่จำเป็นต้องไปรับรู้หรือรับมาเป็นทักษะ
....คราวนี้มาดูระบบการศึกษาในค่ายทหาร อย่างที่เขียนไปข้างต้น แม้แต่ระบบการศึกษาก็เป็นแบบ spoon-fed คือป้อนเข้าปากอย่างเดียว คนอย่างประยุทธ์ที่สอบได้ที่ 1 ของรุ่นจึงแสดงความโง่เขลาแม้แต่ในเรื่องที่มัน common sense มากๆ แล้วที่ขำคือคนพวกนี้มันอวดฉลาด การทำรัฐประหารทุกครั้งที่เอาทหารมาคุมประเทศในด้านสำคัญ โดยเฉพาะเศรษฐกิจ มันถึงเจ๊ง ทหารไม่มีหน้าที่ผลิตนโยบายเศรษฐกิจครับ เหมือนเอาหมอมาออกแบบบ้าน จะอยู่ได้ไหม
...อีกเรื่อง อาจฟังแล้วหาว่าผมจิกกัด แม้แต่ในเรื่อง fitness ที่น่าจะเป็นคุณสมบัติของชายชาติทหาร ที่มักคุยว่าผ่านสงครามมาร้อยแปด ผมเห็นมีแต่นายพลอ้วน พุงย้วย ไอ้ทหารอ้วนเมืองฝรั่งก็คงมี แต่คงไม่มีจำนวนเท่านายพลอ้วนของไทย นายพลพวกนี้ไม่ตายในสงครามนะครับ ส่วนใหญ่หัวใจวายตายห่าเพราะไขมันอุดตันเส้นเลือด
.....
เป็นมาปีนึงครับ. สิ่งที่ได้มาคือกล้ามล้วนๆ กลับมาใส่เสื้อตัวเก่าๆแทบไม่ได้ แต่สิ่งที่เสียไปคือเวลากับความเป็นคน อิห่า ถ้ากูอยากได้แค่กล้ามกูไปฟิตเนสเอาตอนเลิกงานก็ได้
ตอนผมเรียน กล้ามยังไม่ได้เลยครับ มีแต่ให้ยืนตากแดด จัดแถว ซ้ายหันขวาหัน เดินขึ้นบันไดรถไฟฟ้ายังได้กล้ามเนื้อมากกว่าอะครับ
การเรียน รด. ไม่ได้อะไรเลยจริงๆ นอกจากได้ปลูกฝังความเชื่อง การยอมลดทอนคุณค่าตัวเองแล้วทำสิ่งเหี้ยห่าตามที่คนแปลกหน้าที่ยศเหนือกว่าสั่งให้ทำ
เรียนรด.แล้วได้กลยุทธ์ฮะว่า ถ้าซื้อขนมร้านเมียจ่าครูฝึกไปกิน จ่าจะไม่ว่า
จำได้ว่าตำราภาคทฤษฏีนี่หนากว่า Oxford Dictionary อีก 2 เล่ม ... คนสอนก็สอนไปงั้นๆไม่ได้ตั้งใจเท่าไหร่ คนเรียนก็ถือว่าเป็นช่วงงีบหลบร้อน ... จบมาแต่ละปีแทบจะไม่มีใครเปิด ... เสียเวลาและทรัพยากรไปทั้งคนเรียนคนสอนโดยแท้
ผมกลัวการคุกคามทางเพศครับ ขนาดตอนสมัคร รด. ผมจำได้ คนตรวจร่างกายแม้งเอามือมาล้วงหำผม ส่วนคนถัดไปถูกจริตหน่อยมีจับตงจับตูด ตอนแรกผมคิดว่าแค่แซว แต่ผมจำได้ว่าตอนที่ฝึก ย้ำว่าแค่รด. นะครับ ผมเห้นพลทหารรับใช้นี่แหละ ออกสาวหน่อยๆ ประคบประหงม ทหารผู้ใหญ่คนนึงที่นั่งคุมยังกะทาส ละอีกอย่างนึงคือ ผมไม่อยากเป้นเพราะรุ้สึกว่าโครตเสียเวลาทำมาหากิน เสียเวลาอิสระในวันข้างหน้า เรียกค่าเทอมก้แพง เสือกจะมาบังคับให้กลับไปรับใช้ชาติ ไอ่พวกรุ่นใหญ่ก็ปลูกฝังแต่ความรักชาติ (คลั่งชาติ) เคยแย้งตอนฝึกผมโดนม้วนหน้ารอบแถว แทบอ้วก แต่ผมก็ผ่านมาได้ จากความคิดผม ผมไม่เห็นประโยชน์อะไรเล ยเออ ท่าระดับพลทหารลงภารกิจได้ค่าเสี่ยงตาย เงินเดือน 70k+ พร้อมนั่นนี่ให้ ผมจะยอมเลือกเป็นอาชีพเลยถ้าได้ช่วยชาติจริงๆ แต่นี่ ผมเอาเวลาไปเที่ยวใช้ชีวิตของผมดีกว่า ผมเห็นคนดีเฟ้นด้วยประโยคที่ว่า เป็นทหารได้อะไรกว่าที่คุณคิด ผมนี่แบบ
You're Fucking Moron!!!
เป็นทหารได้อะไรกว่าที่คุณคิดเป็นแค่ประโยคปลอบใจตัวเองของคนที่โดนใบแดง กับประโยคพรอพพากันดาของฝ่ายทหารน่ะครับ ไร้ค่าเหี้ยๆ
ส่วนตัวเรียน รด. มาห้าปี ไม่รู้สึดส่าเสียดายเลย ได้ความสนุก ได้ความมันส์ คิดเสียว่ามันเป็นโปรแกรมเที่ยวฟรีแบบแอดเวนเจอร์ มีโดดร่มพาราเซล ยิงปืน อะไรมากมาย โอเคถ้าบ้านรวยกิจกรรมพวกนี้อาจจะหาซื้อเล่นตอนไหนก็ได้ แต่ด้วยฐานะยากจน การได้ทำกิจกรรมพวกนี้มันสนุกมาก แต่ถ้าถามว่าได้อะไรเกี่ยวกับความรักชาติ รักทหาร บอกเลยไม่มี ไร้สาระ
การเรียนร.ด.ทำให้ขยะแขยงวงการทหารสุดๆ เพราะเจอกับตัวว่าพวกทหารไม่มีศักดิ์ศรี เช่น รีดไถเหล้าจากนักศึกษาแลกกับที่ไม่ต้องตัดผมบ้าง โดดเรียนแล้วเช็คชื่อให้บ้าง
อาไปอ้างได้ว่า รับใช้ชาติ แต่จริงๆ จะเป็น ทหารรับใช้ ท่านๆ นะครับ #เรื่องนี้ต้องสัมภาษณ์ มาร์ค มากที่สุด กับประเด็นเกณทหาร ...
เรียน รด ได้กินข้าวมันไก่เมียจ่าครับ
ooo
เรื่องเกี่ยวเนื่อง...
กลาโหมยันพ.ร.บ.กำลังสำรอง เรียกอายุไม่เกิน 45 ปี ฝึกแค่ 10 วัน เตือนพวกบิดเบือนเจอ พ.ร.บ.คอมฯ
Wed, 2017-03-29 02:38
ที่มา ประชาไท
กลาโหม ยัน พ.ร.บ.กำลังสำรอง ไม่ใช่การสร้างกองกำลังทางอำนาจใหม่ของกลาโหม เรียกชายไทย อายุไม่เกิน 45 ปี ไม่ใช่ 60 ปี ฝึกแค่ 10 วัน ไม่ใช่ 2 เดือน ส่วนผู้จบ รด. ปี 5 ปี 3 ทหารปลดกองประจำการแล้ว จะโทรเรียกมาขึ้นบัญชีและรับทราบถึงบัญชีบรรจุกำลังในหน่วยที่ตนสังกัด เตือนพวกบิดเบือนอาจโดน พ.ร.บ.คอมฯ
พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม
28 มี.ค.2560 รายงานข่าวระบุว่า พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม กล่าวถึงกรณีการบิดเบือน พ.ร.บ.กำลังพลสำรอง ปี 2558 ว่า เป็นระบบบริหารทรัพยากรบุคคลของชาติเพื่อความมั่นคงของประเทศในภาพรวม ซึ่งทุกประเทศมีและใช้กันอยู่ แม้กระทั่งประเทศอาเซียน อย่างเช่น สิงคโปร์ ถือเป็นการนำบทบัญญัติของกฎหมายเดิมที่มีอยู่หลายฉบับมาปรับปรุงให้ทันสมัย รวมอยู่ในกฎหมายฉบับเดียวกัน โดยเกิดความชัดเจน เข้าใจง่าย และไม่ให้มีการสร้างความเข้าใจที่ผิดๆ ว่า "กระทรวงกลาโหมจะสร้างกองกำลังทางอำนาจใหม่"
โฆษกกลาโหม ระบุว่า การดำเนินการดังกล่าว เพื่อให้เกิดความชัดเจนในเรื่องของงบประมาณ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นส่วนหนึ่งของงานปฏิรูปกองทัพในระบบงานกำลังพล และกรณีที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า ชายไทยที่มีอายุไม่เกิน 60 ปี จะต้องเป็นกำลังพลสำรองนั้น ในข้อเท็จจริงของกฎหมาย คือ กองทัพจะทยอยเรียกเฉพาะกำลังพลสำรองที่มีบรรจุเข้าไปในบัญชีบรรจุกำลังของหน่วยทหารที่อายุไม่เกิน 45 ปีเท่านั้น
"กำลังพลเหล่านี้เป็นกำลังพลที่มีสถานะเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรกองหนุน หรือ รด. ปี 5, ทหารประเภทกองหนุนที่ 1 หรือ รด.ปี 3 นายทหารที่ปลดประจำการแล้ว รวมทั้งทหารกองหนุนประเภทที่สอง ถึงพวกที่จับใบดำในแต่ละปีเท่านั้น ซึ่งยอดรวมมีประมาณ 70,000 คน คิดเป็น 1 - 2 เปอร์เซ็นต์ของกำลังพลสำรองทั้งหมดเท่านั้น" พล.ต.คงชีพ กล่าว
โฆษกกลาโหม ระบุว่า ระบุอีกว่า ผู้ที่เรียนจบ รด. ปี 5 ปี 3 ทหารที่ปลดกองประจำการแล้ว จะโทรเรียกเข้ามาเพื่อขึ้นบัญชี และเข้ามาทำการรับรู้รับทราบถึงบัญชีบรรจุกำลังในหน่วยที่ตนสังกัด กฎหมายฉบับนี้เปิดโอกาสให้กำลังพลสำรองที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านสามารถสมัครเข้าเป็นกำลังพลสำรอง เข้ามารับราชการเป็นกำลังพลสำรองได้ด้วย ซึ่งปัจจุบันทั้ง 3 เหล่าทัพ เรียกกำลังพลสำรองเพื่อตรวจสอบ จำนวน 1 วัน เพื่อฝึกวิชาทหาร โดยเฉลี่ยฝึกไม่เกิน 10 วัน จากเดิมที่ต้องฝึก 60 วัน แต่เนื่องจากมีปัญหาในเรื่องของงบประมาณ ฉะนั้น จะไม่มีการฝึกกำลังพลสำรอง 2 เดือน ตามที่เข้าใจ
บุคคลที่ไม่ได้รับการบรรจุรายชื่อในหน่วยทหาร ที่อายุเกินเกณฑ์ คือ ตั้งแต่ 46 ปีขึ้นไป จะไม่มีโอกาสในการเรียกเข้ามาฝึกวิชาทหาร นอกจากนั้น กำลังพลสำรองยังสามารถใช้ชีวิตตามปกติประกอบอาชีพปกติและได้รับสิทธิ์เบี้ยเลี้ยง. ค่าเดินทาง, ค่าอาหาร, ที่พัก, เสื้อผ้า เหมือนเช่น ข้าราชการทหารอื่นๆ
"ขอทำความเข้าใจ หากมีการเสนอข่าวในลักษณะนี้ ขอให้ใช้ข้อมูลที่ชี้แจงให้เป็นประโยชน์ และพร้อมที่จะทำความเข้าใจประชาชนทุกคน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นปัญหาเดิมๆ จากการบิดเบือนข้อมูล, การนำเสนอข้อเท็จจริงที่ไม่ครบถ้วน หรือความไม่เข้าใจ นำไปขยายผลสร้างการรับรู้ความเข้าใจในโลกโซเชียลมีเดียหรือเครื่องมือต่างๆ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ประชาชนต้องทำความเข้าใจร่วมกัน ตื่นตัวรับรู้ ไม่ตกเป็นเหยื่อของการเสพข้อมูลโดยไม่มีเหตุผล และขนาดนี้เรามี พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ อยู่ด้วย" โฆษกกลาโหม กล่าว
ที่มา เพจ กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย