วันศุกร์, มีนาคม 31, 2560

มูมมามอำนาจ





จะเรียก สนช. ว่าสภาถอดถอนพรรคเพื่อไทยก็ได้นะ เพราะนับแต่ได้รับแต่งตั้งจาก คสช. มาเป็นเวลาสองปีกว่า งานเด่นเห็นจะเป็นการถอดถอนนักการเมืองพรรคเพื่อไทยไปแล้ว ๘ คน รวมทั้งรายล่าสุดอดีต รมว.ต่างประเทศ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล

ขอบคุณข่าวเนชั่นที่ขยันรวบรวมสถิติเอามาเสนอให้เห็นว่าเป็นสภาล้างบางแท้ๆ คือช่วย คสช. ตอกลิ่มไม่ให้พรรคเพื่อไทยได้ผุดได้เกิด แม้จะถูกยึดอำนาจไปแล้วก็ยังเอาชนักปักหลังเอาไว้ให้เลือดตกใน

ไม่ว่าจะเป็นยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว. พาณิชย์ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กลาโหม ไปจนถึง อุดมเดช รัจนเสถียร อดีต ส.ส.นนทบุรี ฯลฯ

(http://www.nationtv.tv/main/content/politics/378540892/)

แต่ละครั้งจะมีสมาชิกออกเสียงให้ถอดถอนกันอย่างท่วมท้น ส่วนจะมองด้วยตาเปล่าเห็นพวกเขาเหล่านั้นหรือไม่ ต้องไปถามทั่นรองนายกฯ ฝ่ายกฏหมาย

“ที่ว่าไม่ครบเป็นการดูด้วยสายตา แต่เมื่อประธานกดออดสมาชิกก็จะรีบวิ่งกลับมาประชุมทันที ดังนั้นองค์ประชุมจะครบหรือไม่ครบระหว่างแถลงปิดคดีจึงไม่มีผล และไม่มีผลต่อการถอดถอนแต่อย่างใด”





นายวิษณุ เครืองาม พูดไว้ก่อนการลงคะแนนของ สนช. เมื่อตอนบ่ายโมงครึ่งเมื่อวาน (๓๐ มีนา) เล็กน้อย ซึ่งผลนับคะแนนจนล้นช่องขีดแต้มบนกระดานดำได้ ๓๒๑ ต่อ ๔ งดออกเสียง ๓ คน

อ้อ แล้วก็การนี้มี พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา สนช.ดีเด่นติดเหรียญ เร่งรุดจากโรงอาหารมาลงคะแนนทันเวลาด้วยละ เลยไม่ทันได้ดู ratatouille ดอดลงไปกินอาหารบนโต๊ะตั้งถาดของสโมสรรัฐสภา

ทั่นรองฯ คนเดียวกันยังพูดดับฝันพวก ‘เพื่อนเราทั้งนั้น’ นักต่อต้านพลังงานที่พากันไปชุมนุมจน สนช. ยอมถอด มาตรา ๑๐/๑ เรื่องตั้งบรรษัทน้ำมัน (สามทหาร คสช.) ออกไปห้อยท้ายเป็นข้อสังเกตุแทน

ที่ตีอกชกลมกันว่าชนะอีกแล้วๆ นั้นอาจจะไม่ใช่ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า เพราะ “ข้อสังเกตดังกล่าวกำหนดให้รัฐบาลต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุด ภายใน ๖๐ วัน เพื่อมาทำหน้าที่ศึกษาข้อดีข้อเสียของการตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ โดยให้เสร็จสิ้นกระบวนทั้งหมดภายในเวลา ๑ ปี” ตามที่นายวิษณุอธิบาย

“ในส่วนนี้จะต้องรอคณะกรรมการที่จะตั้งมาสรุปว่าจะออกเป็น พ.ร.บ.ว่าด้วยการตั้งบรรษัท หรือนำไปผนวกไว้ในกฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่งก็ได้ หรือจะใส่ไว้ใน พ.ร.บ.ปิโตรเลียมได้”

(http://www.matichon.co.th/news/514195)

หมายความว่ายืดเวลาให้หนึ่งปี จากนั้นค่อยรวบรัดออกได้เลย เหมือนกับเรื่องซื้อเรือดำน้ำ ที่ว่าซื้อสองแถมหนึ่ง แต่ที่จริงซื้อสองลำแพงเท่าราคาสามลำ แถมหนึ่งเลยเจ๊ากันไป นั่นก็ถ่วงเวลามาพักเดียว เสร็จแล้วก็เอาจนได้





หรืออย่างคดีทายาทอภิมหาเศรษฐี ‘กระทิงแดง’ ซึ่งขับรถเมาสุราชนตำรวจจราจรตาย ลากคดีมาได้เกือบ ๕ ปีแล้วยังไม่ได้ฟ้องเสียที ตัวผู้ต้องหาตระเวณเที่ยวใช้ชิวิตแสนสำราญลอยชาย





อัยการออกมาเผยว่า พยายามดำเนินการส่งฟ้องนัดให้ไปพบศาลแล้ว ๗ ครั้ง มีเหตุอ้างขอเลื่อนนัดทุกครั้ง ติดธุระต่างประเทศบ้าง ขอนำเสนอหลักฐานพยานประเด็นต่างๆ ซ้ำซ้อน โดยเฉพาะเรื่องความเร็วรถไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

กระทั่งล่าสุดนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ ‘บอส’ มีกำหนดต้องไปปรากฏตัวที่ศาลเวลา ๑๐.๐๐ น. วันที่ ๓๐ มีนาคม ก็พลาดอีก อ้างว่าติดภารกิจอยู่ประเทศอังกฤษ ขอเลื่อนไปเป็นวันที่ ๒๗ เมษายนแทน

(http://prachatai.org/journal/2017/03/70819)

นี่เป็นกลยุทธ์ถ่วงเวลาจนกว่าจะหมดอายุความ ซึ่งศาลไทยในกรุงเทพฯ ยอมให้ทำได้ แต่กับไผ่ ดาวดิน ติดคุกมากว่าร้อยวันรอการดำเนินคดี เพราะศาลขอนแก่นไม่พอใจที่ผู้ต้องหาโพสต์เฟชบุ๊คเย้ยหยันอำนาจรัฐ

นั่นก็ทำได้ ด้วยมาตรฐานการบังคับใช้กฎหมายแบบไทยๆ ที่สหประชาชาติและสังคมอารยะไม่ยอมรับ แต่รัฐไทยยุคทหารครองเมืองไม่แยแส ถ้าเป็นชาติใหญ่ในอียูหรืออเมริกาทักท้วง ก็จะใช้วิธีตอแหลหน้าตายด้าน บอกเขาว่าประเทศนี้มีสิทธิมนุษยชนล้นถ้วย บลา บลา

ส่วนกับประเทศเล็กอย่างสาธารณรัฐประชาชนลาว ก็จะมีพฤติกรรมก้าวร้าวหยามเหยียดตามอำเภอใจ ดังที่ Krittanai Thepsai เขียนถึงไว้เมื่อวันก่อน “ทำให้ทางการฑูตสากลแตกตื่นกันมาก จากวิธีการฑูตผิดหลักการของรัฐบาล คสช.”

ต่อกรณีค้นบ้านโกตี๋เจออาวุธสงครามเยอะแยะทั้งที่เจ้าตัวไม่อยู่มาแล้วสามปี หลังจากที่โกตี๋ออกมาตอบโต้ทางสื่อสังคมเฟชบุ๊คและยทู้ป ได้มีความพยายามของทางการไทยส่งกำลังนอกเครื่องแบบเข้าไปไล่ล่าในลาว

“พลเอกทวีป เนตรนิยม มีตำแหน่งเลขา สมช.คุมความมั่นคงเดินทางพร้อมกำลังพลทหารเกือบร้อยนาย ลงไปบุกค้นบ้านคนในเมืองลาว เพื่อหาผู้กระทำผิดชาวไทยที่ได้รับการคุ้มครองจาก UNHCR”





ทั้งมีการกดดันให้ทางการลาวเปิดรัฐตำแหน่งเจ้าหน้าที่ทางการทูต จากสำนักงานตำรวจไทยไปประจำเพื่อจะได้ติดตามไล่ล่าฝ่ายตรงข้ามของ คสช. ที่ไปลี้ภัยในนั้น

แต่ทางการลาวไม่ยอมรับข้อเสนอ “ลาวตอบอย่างสุภาพว่า ลาวเป็นประเทศเล็กมีแค่ฑูตทหารไทยประจำอยู่เหมือนกับทุกชาติมีอยู่ก็เพียงพอแล้ว”

นั่นปะไร ลาวเขาพอแล้ว แต่ไทยสิยังไม่พอ มูมมามอำนาจ