วันพุธ, มีนาคม 29, 2560

การทำงานคสช. ยิ่งนานยิ่งอึมครึม




คดีทหารฆ่าเด็กหนุ่มชาวลาหู่ หาว่าจะขว้างระเบิดใส่ มียาบ้าในรถ นั่นน่ะในที่สุดก็ไม่ยอมเปิดคลิปวงจรปิด ทั้ง คสช. ทั้งลิ่วล้อออกมาแหลกันจ้อ

ตะหานหย่ายระดับ ผบ.ทบ. พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท บอก “ได้ดูภาพซีซีทีวีแล้วแต่ไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด”

ตำหวดย่อย ระดับ ผบ. ภูธร ภาค ๕ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ว่า “ยังยืนยันอะไรไม่ได้”

(http://news.voicetv.co.th/thailand/475092.html และ http://prachatai.org/journal/2017/03/70784)

ก่อนนั้นอีก ผู้แม่ทัพภาค ๓ ‘เจ้าของสมยา แม่ทัพตี๋ หมูอบโอ่ง’ และยังเป็นเจ้าของวลีสะท้านโลกันต์ “ถ้าเป็นผม กดออโต้” (หมดแม็กกาซีน) ไปแล้ว เป็นคนที่เปิดประเด็นเรื่องภาพวิดีโอกล้องวงจรปิดเอง (ตอนนี้เงียบเป็นปิดโอ่ง)





สรุปความ ‘ไม่’ คืบหน้าของคดีนี้ดีที่สุดต้องจาก Pavin Chachavalpongpun ที่ว่า “ยิ่งวันยิ่งอึมครึม

บอกว่ามีคลิปในกล้องวงจรปิด พูดโน่นพูดนี่ว่าเด็กมันจะปาระเบิด แถมแม่ทัพภาค ๓ ปากหมาบอกจะกดออโต้เลยทีเดียว ไปๆ มาๆ ตอนนี้ คลิปไม่รู้อยู่ไหน ฝ่ายนึงบอกส่งตำรวจไปแล้ว อีกฝ่ายบอกไม่ได้รับ ตอนนี้มาบอกว่าคลิปไม่มีประโยชน์

อ้าว แล้วทำไมไม่เอามาเปิดเผยละครับ แล้วนี่ก็กำลังจะเล่นเรื่องน้องเป็นนักค้ายา แถมบอกว่า ถ้าไม่ยิงน้องเค้า น้องก็ต้องยิงกลับ อ้าวไหนตอนแรกบอกจะปาระเบิด สรุปน้องแม่งเป็นทศกัณฐ์หรือครับ มี ๒๐ มือ ทั้งควงปืน ควงระเบิด ทั้งกำยาบ้า”





แต่ถ้าดูจากรายการข่าว ‘Overview’ ของว้อยซ์ทีวี กลับทราบว่าผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๕ พูดเรื่องคลิปไว้ก่อนหน้าว่า ต้องรอให้ทหารเอาคลิปมาให้ก่อน

(http://shows.voicetv.co.th/overview/474561.html)

ลงเอยที่ว่าตอนนี้ไทยพีบีเอส “ยืนยันไม่เปิดภาพวงจรปิดวิสามัญฯ ชัยภูมิ ชาวลาหู่” นั้น แท้จริงน่าจะเป็น ทหารสั่ง ‘ปิด’ คลิปจากกล้องวงจรปิดเสียละมากกว่า

เพราะประชาชนทำท่าจะรู้มากกว่าที่ คสช.อยากให้รู้เพียงว่านายชัยภูมิ ป่าแส ที่ถูกฆ่านั้นเป็นพ่อค้ายาบ้าขนาดยักษ์ ทั้งที่กรรมการสิทธิมนุษยชนลงพื้นที่ไปสำรวจสภาพที่อยู่อาศัยของผู่ตาย เป็นเพียงกระท่อมเรือนแฝก และเขามีอาชีพค้ากาแฟ

“หลักฐานเงื่อนงำที่ทหารอ้างว่ามี...ทำไมท่านไม่เปิดกล้องวงจรปิด...ยิ่งไม่เปิดเผยกล้องวงจรปิด สังคมยิ่งคาใจว่ามีอะไรพิรุธ มีอะไรลับลมคมนัย”

เป็นคำพูดท้ายรายงานของศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ผู้ดำเนินรายการโอเวอร์วิว ที่เชื่อกันว่าทำให้ กสท. สั่งปิดว้อยซ์ทีวี ๗ วัน

แค่นั้นไม่พอ นี่สรรพากรต้องเร่งลงมือขูดเลือดแม้วตามที่ คสช.ต้องการแล้ว มีเจ้าหน้าที่นำหมายเรียกเก็บภาษีย้อนหลังจากการขายหุ้นชินคอร์ป ไปปิดหน้าบ้าน จันทร์ส่องหล้า ของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร เป็นวงเงินพร้อมค่าปรับราว ๑๗,๐๐๐ ล้านบาท

(http://www.thairath.co.th/content/898037)




ซึ่งนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของทักษิณ แถลงว่า “จะดำเนินการยื่นอุทธรณ์เรื่องนี้ ภายใน ๓๐ วัน...แต่หากคณะกรรมการฯ ชี้ว่าต้องชำระภาษี ก็จะยื่นฟ้องต่อศาลภาษีอากรกลาง

และยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา ๑๕๗ และตามกฎหมายอื่นๆ เพื่อรักษาสิทธิ และระบบกฎหมายตามหลักนิติธรรม”

(http://www.tv24.in.th/2017/03/157.html)

ปะเหมาะพอดีกับที่หัวหน้า คสช. ยืนแยงตะแบงยันว่าจะต้องซื้อเรือดำน้ำจากจีนแน่ๆ สนนราคามิตรภาพ เสริมอ็อพชั่นกับของแถมด้วย รวมแล้ว ๓๖,๐๐๐ ล้านบาท โดยจะแบ่งฉกงบประมาณเป็นสามระยะ

ถ้าบี้ภาษีจากทักษิณได้ก็พอจ่ายค่าเรือดำน้ำไปเกือบครึ่งแล้วละ