ถ้าข้อความในรูป เป็นความจริง
แสดงว่า ท่านมีชัย ยังไม่เข้าใจ
หรือ เข้าใจแต่อคติ กับ ระบบ "รัฐสภา"
"ระบบรัฐสภา"
ที่ "เสียงข้างน้อย" ก็ดังได้
การตรวจสอบ ไต่สวน และถอดถอน
จาก "พรรคฝ่ายค้าน" ที่มีคุณภาพ
เป็นเครื่องยืนยัน ว่า "เสียงส่วนน้อย" ไม่เสียค่า
และ ส.ส.พื้นที่/บัญชีรายชื่อ ที่แม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล
ก็สามารถดูแลคนในพื้นที่ เป็นปากเสียงได้ ไม่แพ้กัน
ที่สำคัญ..
ใครว่าโต๊ะอาหารโต๊ะนี้
จะมีกับข้าว ได้แค่อย่างเดียว..
งบประมาณที่มี อาจเฉลี่ยซื้ออย่างอื่นได้อีก
อาจซื้อแกงส้มเป็นส่วนใหญ่ แต่ลดปริมาณให้น้อยลง
แบ่งไปซื้ออย่างอื่นร่วม เพื่อความหลากหลาย
และเป็นธรรม ต่อคนในบ้าน
ผมเชื่อว่า "คนส่วนใหญ่ในบ้านนี้" เข้าใจ
และรอแบ่งปัน แบบถ้อยทีถ้อยอาศัยมานานแล้ว
เพราะมื้อหน้า...มื้อต่อๆไป
คนที่เคยเป็นส่วนใหญ่วันนี้ อาจเป็นส่วนน้อยก็ได้
สำคัญที่การเคารพกติกา และมีน้ำใจ
ไม่ใช่ทุกคนที่ได้ทุกสิ่ง ในทุกครั้งที่ตนต้องการ..
วิธีแก้ไขปัญหาประเทศ มี "มิติ" อีกมาก
มากกว่าแค่ "แกงส้ม" หนึ่งมื้อ
แต่โจทย์มันคือ "วันต่อๆไป..จะเอาอะไรกิน"
และ "บ้านของเรา" จะเป็นอย่างไร จะพัฒนาได้อย่างไร
ให้อยู่กันได้อย่างสงบสุข บนความแตกต่าง
บนความหลากหลาย ทางความคิด
ที่ไม่จำเป็นต้องไปเข่นฆ่า ทำลายคนคิดต่าง
นี่ต่างหาก คือ "หัวใจของการปกครอง"
ที่เรียกว่า "ประชาธิปไตย"
...
Tawat Tadang - โดยปกติ คนที่เป็นเสียงส่วนน้อย ก็ต้องเคารพในเสียงส่วนใหญ่ และคอยสนับสนุนให้เดินไปได้ คอยชี้แนะ ติติง ทักท้วง และคัดค้านในสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร ด้วยเหตุและผล พร้อมกับ พยายามพัฒนาตนเองให้มีคนชื่นชอบและไว้วางใจ เพื่อสักวันจะได้เป็นเสียงข้างมากอน่างภาคภูมิ มิใช่ขโมยเขามา. หากคิดว่าตัวเองดี ก็ไม่ต้องไปว่าคนอื่นเลว ไม่ต้องไปว่าคนเลือกโง่ หรือรับผลประโยชน์ อันใด เพราะคนจะดีได้ ไม่ใช่มาจากการโฆษณา แต่มาจากการกระทำของตนมากกว่า
เอาง่าย แพ้ก็คือแพ้ แล้วรีบทำคะแนน สี่ปี ก็มาว่ากันใหม่ ไม่ใช่ทำอะไรก็ได้เพื่อจะไม่ยอมให้เสียสิ่งที่บงทุนไป นี่มันยิ่งกว่า การโกงเลือกตั้งเสียอีก....
ปรีดา แซ่จู - คำว่า โหวตเสียงส่วนน้อยไม่เสียเปล่าคืออะไร หมายถึงไม่ให้พวกเสียงน้อยอาละวาดใช่หรือไม่? เพราะความเป็นจริงนับสิบปีที่ผ่านมาพวกเสียงน้อยนอกจากไม่ยอมกินตามเสียงข้างมากมันยังคว่ำชามทิ้งแล้วออกมาอาละวาดจะกินตามใจมัน