ถึงอย่างไรข่าวพรรคของดอว์ซูจีกวาดเกือบทั้งเข่งสมาชิกสภา คงจะไม่ดังเท่า
ข่าวร้ายในประเทศไทย หวาดหวั่นกันถ้วนทั่ว กลัว “ติดเชื้อในกระแสเลือด” แบบ ‘หมอหยอง’
(http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1447049544)
ซึ่งพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรมให้ความเห็นง่ายๆ “บางครั้งก็มีการเสียชีวิตแบบนี้เป็นเรื่องปกติ เพราะเรือนจำอยู่กัน ๓-๔ แสนคน ผมเข้าใจดี”
ล่าสุดพล.อ.ไพบูลย์บอกว่าเป็นห่วงผู้ต้องหาที่เหลือจะตายตกตามกันไปอีก
ที่ไม่ค่อยปกติน่าจะเป็นแบบที่ ‘สามสอเสือ @nsbest’ เผยไว้ว่า นิยายหยอง “เชื้อคงแรงมาก ญาติยังไม่มาร่วมงาน กลัวติดกล้องติดโทรศัพท์ เจ้าหน้าต้องขอเก็บไว้ก่อน”
ตำรวจ สน.ประชาชื่นกว่าสิบนาย นำโดย พ.ต.อ.ธนันทร รัตนสิทธิภาคย์ ผกกง กันพื้นที่ไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปในบริเวณเมรุเผาศพ ทั้งยังขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนโดยขอเก็บโทรศัพท์และกล้องถ่ายรูปไว้ พร้อมถ่ายภาพบัตรประจำตัวสื่อมวลชนที่มาสังเกตุการณ์...
ขณะเดียวกันก็ไม่ปรากฏญาติของหมอหยองมาในงานศพ”
ด้าน Deep Blue Sea @WassanaNanuam เล่าแจ้ง “บิ๊กโด่งเปิดใจครั้งแรก แจง ‘ราชภักดิ์’ โปร่งใส มีหลักฐาน พร้อมให้ตรวจสอบ ยัน ‘เซียนพระ อ.’ แอบอ้างชื่อพลเอกค่าหัวคิวโรงหล่อ”
พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รมช.กห./อดีตผบทบ. “ติงสื่อเสนอข่าวเป็นท่อนๆ ไม่มีตอนจบ ที่พลเอกอุดมเดช และพลเอกสุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาฯ ซึ่งเป็นกรรมการอุทยานฯ ด้วย ได้มอบหมายให้ ‘เสธ.โจ้’ พันเอกคชาชาต บุญดี ไปแก้ปัญหาด้วยการเจรจาทวงเงินคืนจากเซียน อ.
จากนั้นโรงหล่อพร้อมใจบริจาคเงินหัวคิวนั้นให้สร้างราชภักดิ์ จนทำให้...เรื่องนี้จบลงด้วยดี"
ดีแค่ไหนไม่ทราบ เมื่อพาดหัวข่าว ‘คม ชัด ลึก’ แถลงไข “แฉหัวคิวโต๊ะจีนราชภักดิ์ ขูดราคาแพงเว่อร์งานคอนเสิร์ตปั่น”
นั่นยังไม่มีใครออกมาแก้ต่าง ในเมื่อพี่ป้อม วงษ์สุวรรณ เตะตัดขาไว้ก่อนแล้ว “อย่ามาสงสัย สื่อถามทำเสียหาย”
หากแต่ว่าเรื่องเดียวกันคนละคน ตั้งแต่ก่อนการจับกุมหมอหยองและปากรม (สองผู้ต้องหาที่เดี๋ยวนี้ชีวิตหาไม่แล้วทั้งคู่) เคยมีลือว่าฆ่าตัวตายรายแรกนั้น บัดนี้ราชกิจจานุเบกษาเพิ่งประกาศ
“ให้ปลดพลตรี พิสิฐศักดิ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา รองผู้บังคับหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ออกจากราชการ และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดออกจากยศทหาร...
เนื่องจากกระทําผิดวินัยทหารประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง กระด้างกระเดื่อง ขัดพระราชบัณฑูร ไม่ปฏิบัติตามคําสั่งผู้บังคับบัญชา แอบอ้างพระราชกระแสใช้อํานาจหน้าที่ในทางมิชอบ หาผลประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้องเป็นภัยต่อความมั่นคงสถาบัน”
นี่ไง the plot has got very thicken. จริงๆ จนผู้ชมเบิ่งตาค้าง อย่างนี้นี่เองทำให้ บวร ยสินธร สลิ่มโหนเจ้าตัวยง จึงได้มีข้อเสนอแยบยล
"การขยายผลผู้เกี่ยวข้องด้วยการเอาผิดข้อหาหลอกลวงต้มตุ๋น ฉ้อโกงประชาชน ก็สามารถทำได้ หากทำอย่างจริงจัง ทั้งทางแพ่งและอาญา แต่อย่าได้เอามาปนกับ ม.๑๑๒ จนเลอะเทอะไปหมด จะทำลายความศักดิ์สิทธิ์
และนำความเสื่อมสู่สถาบันได้ เป็นการกัดกร่อนสถาบันด้วยความโง่เขลา”
ข่าวความสมหวังของซูจีถึงต้องไปต่อหลังคิว
ทั้งๆ ที่มีดราม่าไม่เบาเหมือนกัน “นายวิน เทียน โฆษกพรรคระบุถึงผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการบ่งชี้ว่าพรรคเอ็นแอลดีจะคว้าชัยได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐”
(เจ้าตัวเอง นางซูจีบอกสื่อฝรั่ง คาดว่าพรรคของเธอได้คะแนนเสียงถึง ๗๕ เปอร์เซ็นต์)
และตามทวี้ตของ Angus Watson@gus_watson “NLD candidate who died after collapsing on stage last week reportedly leading polls for lower house seat of Myinmu, Sagaing”
ประจวบกับ ‘คนไทยหัวใจพม่า’ ที่ตามติดข่าวเลือกตั้ง ‘เหมียนหม่า’ ใจจดจ่อ ชนิด ‘ใบตองแห้ง’ ย้อนแย้งเอาไว้ “ขณะที่ประเทศตัวเองยังปฏิรูปก่อนเลือกตั้งอยู่เลย”
“พวกพันธมิตร สลิ่ม นกหวีด มีเยอะเลยละที่เชียร์ซูจี แต่คนพวกนี้ไม่สามารถอธิบายด้วยเหตุผล ว่าทำไมถึงเชียร์ประยุทธ์กับซูจีไปพร้อมๆ กัน”
ถ้างั้นให้ไปถาม ถวิลวดี บุรีกุล ผู้เป็น ผอ.สำนักวิจัยและพัฒนา สถาบันพระปกเกล้า เป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนฯ และเคยเป็นกมธ.ร่างรธน.
คนนี้แหละที่พบว่า “ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ร้อยละ ๕๘.๘ ขณะที่เชื่อมั่นสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ร้อยละ ๕๗.๖
ส่วนความเชื่อมั่นต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จัทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ในปี ๕๘ อยู่ที่ร้อยละ ๘๗.๕”
(http://www.dailynews.co.th/politics/359383)
มิน่า Pipob Udomittipong ถึงได้ตั้งข้อกังขา “เป็นภาพสะท้อนความไม่เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย แล้วโพลล์แบบนี้ ใครเขาจะเชื่อถือ?
ทำเพื่อสร้างภาพให้คนที่แต่งตั้งคุณเข้ามา กินเงินเดือนและค่าตอบแทนกี่ตำแหน่ง จะไปปฏิรูปอะไรกัน?
ถ้าบอกว่าเป็นตัวแทน ‘การตอบแทนบุญคุณ’ จะไม่ว่าอะไรเลย ‘ไทย’ มาก ๆ ขอบอก”