วันจันทร์, พฤศจิกายน 02, 2558

เราอยู่ในสังคมยุคไหน? มีคลิป เผื่อใครพลาดชม รายการทีวีสปริงนิวส์อังคาร 27 ต.ค. “ซ้อมทหารใหม่จนตาย”ทหาร 10 นายถูกฟ้องอาญา




https://www.youtube.com/watch?v=Pocvh9wgLO4

Spring Reports 27/10/58 : ซ้อมทรมาน "ทหารเกณฑ์" เสียชีวิต

Published on Oct 28, 2015
รายการ Spring Reports วันอังคารที่ 27 ตุลาคม 2558 เวลา 21.10 น. ดำเนินรายการโดย คุณโอบนิธิ ติรางกูล ติดตามการเสียชีวิต "พระวิเชียร เผือกสม" ลาสิกขาเพื่อสมัครเป็นพลทหาร แต่กลับถูกครูฝึกร่วมกันทำร้ายด้วยการซ้อม­ทรมานจนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2554 ที่ผ่านมา ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการท­ุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ได้ชี้มูลความผิดทหาร 10 นาย และส่งสำนวนให้อัยการจังหวัดนราธิวาส สั่งฟ้องดำเนินคดีอาญา ติดตามที่มาที่ไปของคดีดังกล่าวได้ในรายกา­ร “Spring Reports” ตอน "ซ้อมทรมานทหารเกณฑ์เสียชีวิต"

ooo

ชมทีวีสปริงนิวส์อังคาร 27 ต.ค. เวลา 21 น.“ซ้อมทหารใหม่จนตาย”ทหาร 10 นายถูกฟ้องอาญา


ที่มา Thai Tribune.org
Last updated: 26 October 2015

สปริงนิวส์เชิญชมสารคดีพลทหารปริญญาโทธรรมศาสตร์ถูกซ้อมตาย ทหาร 10 นายถูกชี้มูลความผิดทางอาญา คาดฟ้องได้พฤศจิกายนนี้ คืนวันอังคาร 27 ตุลาคมนี้ 21 นาฬิกาเป็นต้นไป

นายสุรชา บุญเปี่ยม บรรณาธิการข่าวอาวุโส สถานีข่าวสปริง นิวส์ได้เชิญชวนผ่านเฟซบุ๊กของตนให้รับชมสารคดีกรณีพลทหารเจาะไอร้อง นราธิวาสถูกซ้อมจนเสียชีวิต โดยเริ่มเรื่องดังนี้.....

สืบเนื่องจากกรณีการเสียชีวิตของพลทหารวิเชียร เผือกสม ถูกรุมซ้อมทำร้ายร่างกายในหน่วยฝึกทหารใหม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเสียชีวิต ทั้งนี้มีข้อเท็จจากการสอบสวนของกองทัพภาคที่ 4โดยเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2554 พลทหารวิเชียร เผือกสม ได้สมัครเข้ารับการราชการทหารกองประจำการ ผลัดที่ 1 สังกัด ร.151 พัน.3 และเข้าฝึกที่หน่วยฝึกทหารใหม่ในหน่วยฝึกของค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส

ต่อมาวันที่ 1 มิถุนายน 2554 เจ้าหน้าที่ทหารหลายนาย ได้ร่วมกันทำร้ายร่างกายพลทหารวิเชียร เผือกสม ด้วยวิธีการทรมานและกระทำทารุณโหดร้ายอ้างว่า พลทหารวิเชียร เผือกสม หลบหนีการฝึก ทำให้พลทหารวิเชียร เผือกสม ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตลงเมื่อวันที่5 มิถุนายน 2554 มีสาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากไตวายเฉียบพลันจากกล้ามเนื้อได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง

บวชและจบปริญญาโทธรรมศาสตร์

ก่อนจะเสียชีวิตได้อยู่ในสมณเพศนานถึง 8 ปี เพิ่งสำเร็จการศึกษาปริญญาโทพัฒนาชุมชน จากคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล้วได้ลาสิขามาเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2554 เพื่อสมัครเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ผลัดที่ 1/2554 เมื่อวันที่ 1พฤษภาคม 2554

ในวันที่ 1 มิถุนายน 2554 พลทหารวิเชียร เผือกสม กลับถูกครูฝึกทหารลงโทษรุมทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมทารุณจนได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุเพราะหลบหนีจากหน่วยฝึก 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2554 และได้ตัวกลับมาในวันเดียวกัน ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 29พฤษภาคม 2554 ทางหน่วยฝึกได้ไปรับตัวกลับยังหน่วยฝึกเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2554 และหลังจากกลับมายังหน่วยฝึกพลทหารวิเชียร เผือกสม ก็โดนปรับปรุงวินัยมาโดนตลอด

จากการหลบหนีออกจากหน่วยฝึกครั้งที่ 2 เมื่อ วันที่ 29 พฤษภาคม 2554 ทางหน่วยฝึกได้ไปรับตัวกลับหน่วยเมื่อ 1 มิถุนายน 2554 ก่อนเที่ยง ร้อยตรีให้การว่าได้ตบหน้าพลทหารวิเชียรฯ 2 ครั้ง เพื่อเตือนสติให้สำนึกที่หลบหนี ให้กินพริกสดจำนวน 3-4 เม็ด เพื่อทำโทษและให้กินข้าวเปล่าจำนวน 1 จาน

ประมาณ 12.40 น. ได้สั่งให้พลทหารผู้ช่วยครูฝึก 2 นาย นำพลทหารวิเชียรฯ ไปบริเวณหลังหน่วยฝึกหน้าห้องน้ำเพื่อปรับปรุงวินัย โดยให้ออกกำลังท่ากายบริหาร เช่น ท่ากระโดดกบ แองการู ท่ายุบสะโพก ฯลฯ

ในครั้งแรกให้สวมใส่ชุดทหารใหม่และต่อมาให้ถอดเสื้อผ้าออกคงเหลือกางเกงในเพียงตัวเดียว โดยมีร้อยตรีนั่งกำกับอยู่ด้วย จากนั้นได้พาไปพบร้อยโทผู้ฝึกที่หน้าหน่วยฝึก ร้อยโทผู้ฝึกได้มีการว่ากล่าวพลทหารวิเชียรฯ และได้สั่งให้พาไปด้านหลังหน่วยฝึกเพื่อปรับปรุงวินัยต่อ

มีผู้ให้การหลายรายยืนยันว่า ได้เห็นพลทหารผู้ช่วยครู จับขาพลวิเชียรฯ คนละข้างลากไปกับพื้นปูนบริเวณที่รวมพลหน้าหน่วยฝึกประมาณ2-3 เมตร พลทหารวิเชียรฯ ได้ร้องด้วยความเจ็บปวด

ต่อจากนั้นได้พาไปปรับปรุงวินัยที่เดิม ซึ่งขณะนั้นร้อยตรีอีกนายได้เข้ามาพบเห็นพลทหารผู้ช่วยครูได้รุมกันใช้เท้าเตะกระทืบที่ขาและลำตัวของพลทหารวิเชียรฯ ซึ่งขณะนั้นร้อยตรีที่ถูกกล่าวหาได้กำกับอยู่ โดยสั่งให้ตัดกำลังขาอย่าไปทำอะไรส่วนบน

ต่อจากนั้นได้ใช้เกลือทาบริเวณแผลและใช้เท้าเหยียบขึ้นไปที่หน้าอก หลังจากใช้เวลาซ่อมประมาณ 2 ชั่วโมง ได้นำตัวพลทหารวิเชียรฯ ไปอาบน้ำและพาไปที่ห้องพยาบาล เพื่อทายารอยแผลขีดข่วนและให้นอนพักบนเตียงผ้าใบในห้องพยาบาล ขณะนั้นมีครูทหารใหม่และผู้ช่วยครูหลายนาย ซึ่งที่ห้องพยาบาลนั้นจ่าสิบเอกให้การว่า เห็นพลวิเชียรวิเชียรฯ ถูก สิบเอก 3 นาย และสิบโท 2 นาย สลับกันรุมเตะด้วยหัวรองเท้าคอมแบค โดยมีร้อยตรีผู้ช่วยผู้ฝึก นั่งอยู่ที่เตียงพยาบาล





แห่ผ้ามัดตราสังข์เหมือนศพ

เวลาประมาณ 17.45 น. สิบเอกได้เรียกรวมพลทั้งหมดเพื่อไปรับประทานอาหารเย็น โดยสิบเอกอีกนายได้เรียกทหารใหม่ประมาณ 5-6นาย ให้แบกพลทหารวิเชียรฯจากห้องพยาบาลไปยังโรงเลี้ยง โดยใช้ผ้าขาวห่อตัวเหลือแต่ใบหน้าพร้อมมัดตราสังข์ในลักษณะเหมือนศพ พร้อมตั้งขบวนแห่และพูดไว้อาลัยเหมือนกับการแห่ศพ

และที่โรงเลี้ยงมีพยานยืนยันว่า เห็นพลทหารวิเชียรฯ ถูกสั่งให้นั่งกินข้าวบนก้อนน้ำแข็งประมาณ 10 นาที โดยให้นั่งท่าขัดสมาธิ ก้นสัมผัสผิวน้ำแข็งประมาณ 1 ใน 3 และสวมกางเกงในตัวเดียว และร้อยโทผู้ฝึกได้เดินมาที่พลทหารวิเชียรฯ ร้อยตรีผู้ช่วยครูฝึกได้บอกให้เอาน้ำแข็งประคบ เพื่อบาดแผลจะได้หายเร็วขึ้นและได้ให้รับประทานกระเทียมประมาณ 3-4 กลีบ

ต่อมาสิบเอกได้นำกำลังพลชุดเดิมแบกพลทหารวิเชียรฯ กลับมาวางด้านหน้าหน่วยฝึกและมีก้อนน้ำแข็งวางทับบนหน้าอก

ที่หน้าหน่วยฝึกเวลาประมาณ 18.45 น. สิบเอกได้สั่งให้พลทหารวิเชียรฯ หมอบ-ลุก เมื่อเห็นว่า ทำช้าไม่เป็นที่พอใจจึงได้ใช้ไม้ไผ่ขนาดเท่านิ้วชี้ตีที่บริเวณลำตัว แผ่นหลัง ก้น ขาจนถึงปลายเท้า และใช้เท้าเตะบริเวณชายโครง หน้าอก และกระทืบไปที่ท้ายทอย เป็นเหตุให้คางกระทบกับพื้นเป็นแผลแตกขนาดปลายนิ้วก้อย

ใช้เท้าเตะไปที่บริเวณใบหน้าเป็นเหตุให้มีเลือดออกจากปากแล้วพลทหารวิเชียรฯ ได้ก้มลงกราบพร้อมร้องบอกว่า ผมเจ็บและจะไม่ทำอีกแล้ว แต่สิบเอกก็ยังไม่หยุดกระทำ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดสลับกับการถูกเตะและกระทืบดังมากจนทำให้ร้อยโทผู้ฝึกได้ชะโงกมาจากชั้นบนของอาคารหน่วยฝึก พร้อมสั่งให้ร้อยตรีผู้ช่วยผู้ฝึกอย่าทำให้แรงเกินไปนัก

สิบเอกจึงได้ย้ายสถานที่ซ่อมไปด้านข้างของแถว ยังคงใช้ไม้ตีสลับกับการเตะเหมือนเดิม จนกระทั่งร้อยตรีอีกนายได้เข้ามาแย่งไม้ในมือสิบเอกทิ้งอีกครั้ง สิบเอกได้พูดว่า ไม่มีไม้ใช้มือใช้เท้าแทนก็ได้ และได้ประกาศท้าทายให้ไปฟ้อง ผบ.ทบ.ต่อหน้ากำลังทหารใหม่ประมาณ 200นาย

จนถึงเวลา 23.00 น. ร้อยตรีได้พาพลทหารวิเชียรฯ ไปคุยต่อจนถึงเวลา 01.10 น.เศษ ได้สั่งให้พลทหารวิเชียรฯขึ้นโรงนอน





ถูกส่งเข้าห้องพยาบาล-ส่งต่อโรงพยาบาล

ต่อมาวันที่ 2 มิถุนายน 2554 มีพยานหลายคนเห็น พลทหารวิเชียรฯ นอนพักอยู่ในห้องพยาบาลบริเวณร่างกายและขามีรอยช้ำบวมหลายแห่งใต้คางมีแผลลึกมีน้ำเหลืองไหลย้อยรอบปากปรากฏคราบเลือด พยานบางคนได้ถามอาการเจ็บป่วยได้รับคำตอบว่า เจ็บปวดไปทั่วร่างกาย ได้ร้องขอให้นำตัวไปส่งโรงพยาบาลเนื่องจากทนความเจ็บปวดไม่ไหว ถึงขั้นมีการสั่งเสียกับเพื่อนพลทหารด้วยกันว่า หากเสียชีวิตลงให้ช่วยแจ้งกับมารดาด้วย แต่ไม่มีผู้ใดสนใจและดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น

จนกระทั่งวันที่ 3 มิถุนายน 2554 จึงได้ส่งตัวไปโรงพยาบาลเจาะไอร้อง ทางโรงพยาบาลเห็นพลทหารวิเชียรฯ มีอาการหนักเกินขีดความสามารถของแพทย์ที่จะรักษาเยียวยาได้ จึงส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ต่อทันที และหน่วยได้สั่งให้ร้อยตรีที่ไม่ได้ร่วมกระทำไปดูอาการของพลทหารวิเชียรฯ

ในวันที่ 4 มิถุนายน 2554 เห็นพลทหารวิเชียรฯ อยู่ในห้องไอซียูพร้อมญาติ บริเวณทั่วทั้งลำตัวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ามีแต่บาดแผลและรอยช้ำบวม สอบถามแพทย์ได้รับคำตอบว่าชีพจรต่ำมาก การตอบสนองของร่างกายไม่มี อาการอยู่ในขั้นโคม่า

ท้ายสุดเมื่อวันที่ 5เดือนมิถุนายน 2554 เวลา 23.05 น. ณ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ จังหวัดนราธิวาส พลทหารวิเชียร เผือกสม ต้องจบชีวิตด้วยวัยเพียง 26 ปีเท่านั้น โดยที่สาเหตุการตายมาจากไตวายเฉียบพลันจากกล้ามเนื้อได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจากการถูกรุมซ้อมทำร้ายร่างกายโดยครูฝึกในหน่วยฝึก

(ปรากฏข้อเท็จจริงตามเอกสารแนบท้ายอ้างถึงหนังสือรายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกองทัพภาคที่ 4 ฉบับลงวันที่ 5 กรกฎาคม2554)




สภาทนายความให้การช่วยเหลือ

นางประเทือง เผือกสม มารดาของพลทหารวิเชียร ได้ยื่นฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนทางละเมิดต่อหน่วยงานต้นสังกัด เนื่องจากเป็นกรณีละเมิดในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ โดยครูฝึกซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในสังกัดของกองทัพบกได้ทำร้ายร่างกายพลทหารวิเชียร เผือกสม ในระหว่างการฝึกทหารใหม่อย่างทารุณโหดร้ายจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิตในเวลาต่อมา

โดยได้รับความช่วยเหลือจากสภาทนายความแห่งประเทศไทย ดำเนินการแต่งตั้งทนายความจำนวน 6 คน เป็นทนายโจทก์และดำเนินการร่วมกับโจทก์ตลอดมา จนสามารถทำให้ครอบครัวของผู้เสียหายได้รับความยุติธรรมกลับคืนมาได้ในที่สุด คดีนี้เป็นคดีความแพ่ง คดีเลขดำที่ 2073/2555 ศาลแพ่ง ระหว่างนางประเทือง เผือกสม โดยนางสาวนริศราวัลณ์ แก้วนพรัตน์ ผู้รับมอบอำนาจเป็นโจทก์ กับ กระทรวงกลาโหมที่ 1 กองทัพบกที่ 2 สำนักนายกรัฐมนตรีที่ 3 เป็นจำเลย ข้อหาหรือฐานความผิดละเมิดเรียกค่าเสียหายตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 เป็นเงิน 18 ล้านบาทเศษ ลงวันที่ฟ้องเมื่อ 24 พฤษภาคม2555

แต่ทั้งนี้คดีความแพ่งดังกล่าวสามารถไกล่เกลี่ยกันได้ โดยให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้ชดเชยเยียวยาค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นจำนวน 7 ล้านบาทเศษ ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับการชดใช้ค่าเสียหายหรือสินไทยทดแทนความผิดฐานละเมิดเรียกค่าเสียหายตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ให้แก่ผู้เสียหายที่เกิดจากการละเมิดจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ หรือที่เจ้าหน้าที่ได้กระทำด้วยความจงใจประมาณเลินเล่ออย่างร้ายแรง

ศาลได้พิพากษาให้คดีความเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความคดีความหมายเลขแดง596/2557 เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์2557

คดีอาญาตามมา 10 นาย

ในส่วนของคดีความอาญา มารดาพลทหารวิเชียร ได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ซึ่งต่อมาได้ส่งสรุปสำนวนให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

ต่อมา คณะกรรมการ ปปช. โอนคดีความดังกล่าวนี้ไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) เนื่องจากตำแหน่งทางราชการของผู้ถูกกล่าวหานั้นอยู่ในอำนาจการสอบสวนของคณะกรรรมการ ปปท.

ต่อมา คณะกรรรมการ ปปท. ได้มอบหมายให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เขตพื้นที่ 9 ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบในเหตุที่เกิดขึ้น ไต่สวนข้อเท็จจริงและชี้มูลความผิด และรายงานผลการดำเนินการ

ล่าสุด คณะกรรมการ ป.ป.ท.ได้ชี้มูลความผิดทหาร 10 นาย ว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และประมวลกฎหมายอาญาทหาร มาตร 30(4) ส่งเรื่องให้อัยการจังหวัดนราธิวาสสั่งฟ้อง

อัยการมีอำนาจฟ้องข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 ,83 ได้อีก เรื่องอยู่ในชั้นอัยการเตรียมฟ้องคาดว่าจะฟ้องภายในเดือนพฤศจิกายนนี้

การซ้อมทรมานจนเป็นเหตุให้พลทหารวิเชียร เผือกสม เสียชีวิตในค่ายทหารเป็นเหตุการณ์ซึ่งสะท้อนทัศนคติการใช้อำนาจเถื่อนและความรุนแรงในสังคมไทย การฟ้องคดีแพ่ง คดีอาญา ให้ศาลตัดสินตามกระบวนการยุติธรรม จึงเป็นกรณีตัวอย่างที่คนในสังคมไทยควรรู้

ติดตามชมได้ในรายการสปริง รีพอร์ต อังคารที่ 27 ตุลาคม นี้ 21 นาฬิกาเป็นต้นไป