วันพุธ, เมษายน 01, 2558

ตู่ ไม่เนียน! อ้าง “พรบ.ปราบปรามค้ามนุษย์” ผลงานรัฐบาล คสช.ค้น "ราชกิจจาฯ" ฟ้องชัดประกาศใช้ปี 51



ที่มา ที่นี่และที่นั่นวันนี้
March 31, 2015

การโยนความผิดให้กับ “รัฐบาลก่อนหน้า” ดูเหมือนจะกลายเป็นเครื่องหมายการค้าของ “รัฐบาลคณะรัฐประหาร คสช.” ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เสียแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความขัดแย้ง ปัญหาการเมือง หรือแม้แต่ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชน เมื่อ “หัวหน้ารัฐบาล” ได้ โยนความผิด ไปให้ใครสักคนหนึ่ง ก็จะทำให้ “บุคลากรภายในรัฐบาล” รู้สึกว่าปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นภายในรัฐบาลชุดปัจจุบันรู้สึกผ่อนคลาย ราวกับปัญหาได้รับการแก้ไขแล้วเสร็จลุล่วง !

ซึ่งก็รวมไปถึง “ปัญหาการค้ามนุษย์”ซึ่ง “ไทย” ได้ถูกจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่มสถานการณ์การค้ามนุษย์ประจำปี หรือTrafficking in Persons Report (Tip Report)ระดับสุดท้ายคือ “ระดับ 3 (Tier 3) หมายถึงประเทศที่ไม่ให้ความสำคัญกับการป้องกันช่วยเหลือเหยื่อหรือจับกุมผู้ ค้ามนุษย์

สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ขึ้นบัญชีดำและตัดสิทธิพิเศษทางศุลกากร (จีเอสพี ) สินค้า ในช่วง “รัฐบาล คสช.”

โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2558 ที่ท่าอากาศยานขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) ดอนเมือง“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวอ้างถึงการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์นั้นเพิ่งเริ่มต้นอย่างจริงจังในช่วงรัฐบาลชุดนี้

“ขณะนี้เพิ่งจะออกมา โดยรัฐบาลนี้ที่ออกพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ฉบับที่ พ.ศ. …”

ซึ่งนี่คือคำพูดที่ชัดๆ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สื่มวลชนไทยทุกสำนักนำเสนอ ( อ่านข้อความฉบับเต็มได้ที่ http://www.thairath.co.th/content/489903)

แต่ในข้อเท็จจริงดูเหมือนจะยัง “ขัดแย้ง” กับสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวอย่างมาก โดยเมื่อตรวจสอบจาก “ราชกิจจานุเบกษา” พบว่า ใน ประกาศราชกิจจานุเบกษา หน้า 28 เล่ม 125 ตอนที่ 29 ก วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551 ได้มีการประกาศใช้ “พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551”

โดย “พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551” ซึ่งประกาศลงราชกิจจานุเบกษาและบังคับใช้มาก่อนจะมีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้น มีความครอบคลุมการกระทำเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากบุคคลที่มิได้จำกัดแต่เฉพาะหญิงและเด็ก ด้วยวิธีการที่หลากหลาย เช่น การนำบุคคลเข้ามาค้าประเวณีในหรือส่งไปค้านอกราชอาณาจักร และการบังคับใช้แรงงาน บริการหรือขอทาน บังคับตัดอวัยวะเพื่อการค้า หรือการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบประการอื่น ซึ่งในปัจจุบัน ได้กระทำในลักษณะองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติมากขึ้น ประกอบกับประเทศไทยได้ลงนามอนุสัญญาสหประชาชาติเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร และพิธีสารเพื่อป้องกัน ปราบปรามและลงโทษการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก เพิ่มเติมอนุสัญญาสหประชาชาติเพื่อต้อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ ที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร จึงสมควรกำหนดลักษณะความผิดให้ครอบคลุมการกระทำดังกล่าวเพื่อให้การป้องกัน และปราบปรามการค้ามนุษย์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกรณีของอนุสัญญาและพิธีสารจัดตั้งกองทุน เพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ รวมทั้งปรับปรุงการช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหาย ให้เหมาะสม ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้เสียหาย

ซึ่งชัดเจนว่า “พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551” ประกาศใช้ก่อนที่ “คสช.” จะทำการรัฐประหาร และก่อนที่จะก่อกำเนิดรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ขณะเดียวกัน กรณีนานาชาติ ขึ้นบัญชีดำ และจัดอันดับการค้ามนุษย์ของไทยอยู่ที่โหล่ เพิ่งเกิดขึ้นในช่วง “รัฐบาลเผด็จการรัฐประหาร” ชุดนี้!!