.....
Atukkit Sawangsuk
5 hours ago
·
เมื่อคืนวันศุกร์ จัดรายการกับมายด์ ลิซ่าโฟนเข้ามา คุยถึงอุ๊งอิ๊ง
แบบว่าในความเป็นชาว Voice แม้เดินคนละแนวทาง ก็ยังมีความปรารถนาดี และเป็นห่วงอยู่นะ
ไม่ได้ดูแคลนอุ๊งอิ๊ง เชื่อว่าเขาฉลาด แกร่ง มีไหวพริบ มีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำ แต่ยังต้องใช้เวลาสั่งสมและพิสูจน์ตัวเอง นี่เข้ามาฉุกละหุก ในสถานการณ์ลำบาก เต็มไปด้วยคมหอกคมดาบ ขณะที่พวกห้อมล้อมแบกหามก็แย่ สอพลอก็เยอะ
:
ในมุมของผม ด้านที่ควรระวังคือการเติบโตมาแบบลูกนายใหญ่ ซึ่งไม่มีใครกล้าทักท้วงทัดทาน มีแต่สมุนบริวารแห่แหน โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่การเมือง เราจะเห็นเธอออกอาการ "ลูกบอส" หลายครั้ง เมื่อตอบคำถามสื่อ
แต่ในอีกด้าน อุ๊งอิ๊งก็มีธาตุแกร่ง เพราะโตมากับการที่ครอบครัวถูกกระทำ
ตั้งแต่ปี 49 นับถึงตอนนี้ 18 ปี ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 จน 37
เขาเจออะไรมาเยอะ มากกว่าที่คนภายนอกรู้
ทั้งอำนาจรัฐประหาร ความอยุติธรรม ปฏิกิริยาทางสังคม การทรยศหักหลัง ความปลิ้นปล้อนของนักการเมือง ฯลฯ ทายาทชินวัตรเรียนรู้มาด้วยความเจ็บปวด
มีคนเล่าว่าตอนเรียนจุฬา ช่วงปี 49 อุ๊งอิ๊งก็เจอแรงกดดันทั้งจากเพื่อนจากอาจารย์ ที่ถามกลางห้องว่า ยังเรียนอยู่อีกเหรอ
ไม่แกร่งจริงไม่ผ่านมาได้หรอก
:
ฉะนั้น ตอนที่พูดว่า "ดูหน้าดิฉันไว้นะคะ..."
ผมก็เชื่อว่าโดยความคับแค้นที่สั่งสม อุ๊งอิ๊งมีความรู้สึกอย่างนั้นอยู่จริง
หรือการที่บอกว่า จะขอให้ศาลปล่อยผู้ต้องขัง 112 เธอก็มีความคิดอย่างนั้นจริง
:
แต่พอพรรคเพื่อไทยข้ามขั้วตระบัดสัตย์ ขายวิญญาณให้ซาตาน
มันกลับกลายเป็น digital footprint หลอกหลอน
ภารกิจของรัฐบาลเพื่อไทยกลายเป็นรับใช้อำนาจแลกกับเอาทักษิณกลับบ้าน (ซึ่งก็เป็นจุดประสงค์หลักที่อุ๊งอิ๊งเข้าสู่การเมือง)
ภารกิจของรัฐบาลเพื่อไทยคือ เป็นหนังหน้าไฟ สลายทำลายพลังความคิดใหม่ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ ให้สยบยอมระบอบที่ประชาธิปไตยเป็นเพียงตัวประกอบ
:
แล้วอุ๊งอิ๊งเข้ามายืนในจุดนี้
ที่จะต้องเผชิญความเกลียดชังจากสลิ่ม
และความโกรธของคนที่เห็นว่าเพื่อไทยละทิ้งจุดยืน
:
สิ่งที่แตกต่างระหว่างอุ๊งอิ๊งกับยิ่งลักษณ์คือ
ยิ่งลักษณ์มีพลังความชอบธรรมทางประชาธิปไตยปกป้อง
แต่ชะตาอุ๊งอิ๊งขึ้นกับชนชั้นนำและการเจรจาต่อรองของทักษิณเพื่อไทย
ความเป็นเหยื่อ ผู้ถูกกระทำ ก็จบแล้ว ทักษิณได้ใบบริสุทธิ์แล้ว
อารมณ์โกรธของคนบางทีก็ไร้เหตุผล
แต่การเมืองที่สูญเสียความชอบธรรมก็ย่อมเจออย่างนี้เอง
Atukkit Sawangsuk
5 hours ago
·
เมื่อคืนวันศุกร์ จัดรายการกับมายด์ ลิซ่าโฟนเข้ามา คุยถึงอุ๊งอิ๊ง
แบบว่าในความเป็นชาว Voice แม้เดินคนละแนวทาง ก็ยังมีความปรารถนาดี และเป็นห่วงอยู่นะ
ไม่ได้ดูแคลนอุ๊งอิ๊ง เชื่อว่าเขาฉลาด แกร่ง มีไหวพริบ มีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำ แต่ยังต้องใช้เวลาสั่งสมและพิสูจน์ตัวเอง นี่เข้ามาฉุกละหุก ในสถานการณ์ลำบาก เต็มไปด้วยคมหอกคมดาบ ขณะที่พวกห้อมล้อมแบกหามก็แย่ สอพลอก็เยอะ
:
ในมุมของผม ด้านที่ควรระวังคือการเติบโตมาแบบลูกนายใหญ่ ซึ่งไม่มีใครกล้าทักท้วงทัดทาน มีแต่สมุนบริวารแห่แหน โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่การเมือง เราจะเห็นเธอออกอาการ "ลูกบอส" หลายครั้ง เมื่อตอบคำถามสื่อ
แต่ในอีกด้าน อุ๊งอิ๊งก็มีธาตุแกร่ง เพราะโตมากับการที่ครอบครัวถูกกระทำ
ตั้งแต่ปี 49 นับถึงตอนนี้ 18 ปี ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 จน 37
เขาเจออะไรมาเยอะ มากกว่าที่คนภายนอกรู้
ทั้งอำนาจรัฐประหาร ความอยุติธรรม ปฏิกิริยาทางสังคม การทรยศหักหลัง ความปลิ้นปล้อนของนักการเมือง ฯลฯ ทายาทชินวัตรเรียนรู้มาด้วยความเจ็บปวด
มีคนเล่าว่าตอนเรียนจุฬา ช่วงปี 49 อุ๊งอิ๊งก็เจอแรงกดดันทั้งจากเพื่อนจากอาจารย์ ที่ถามกลางห้องว่า ยังเรียนอยู่อีกเหรอ
ไม่แกร่งจริงไม่ผ่านมาได้หรอก
:
ฉะนั้น ตอนที่พูดว่า "ดูหน้าดิฉันไว้นะคะ..."
ผมก็เชื่อว่าโดยความคับแค้นที่สั่งสม อุ๊งอิ๊งมีความรู้สึกอย่างนั้นอยู่จริง
หรือการที่บอกว่า จะขอให้ศาลปล่อยผู้ต้องขัง 112 เธอก็มีความคิดอย่างนั้นจริง
:
แต่พอพรรคเพื่อไทยข้ามขั้วตระบัดสัตย์ ขายวิญญาณให้ซาตาน
มันกลับกลายเป็น digital footprint หลอกหลอน
ภารกิจของรัฐบาลเพื่อไทยกลายเป็นรับใช้อำนาจแลกกับเอาทักษิณกลับบ้าน (ซึ่งก็เป็นจุดประสงค์หลักที่อุ๊งอิ๊งเข้าสู่การเมือง)
ภารกิจของรัฐบาลเพื่อไทยคือ เป็นหนังหน้าไฟ สลายทำลายพลังความคิดใหม่ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ ให้สยบยอมระบอบที่ประชาธิปไตยเป็นเพียงตัวประกอบ
:
แล้วอุ๊งอิ๊งเข้ามายืนในจุดนี้
ที่จะต้องเผชิญความเกลียดชังจากสลิ่ม
และความโกรธของคนที่เห็นว่าเพื่อไทยละทิ้งจุดยืน
:
สิ่งที่แตกต่างระหว่างอุ๊งอิ๊งกับยิ่งลักษณ์คือ
ยิ่งลักษณ์มีพลังความชอบธรรมทางประชาธิปไตยปกป้อง
แต่ชะตาอุ๊งอิ๊งขึ้นกับชนชั้นนำและการเจรจาต่อรองของทักษิณเพื่อไทย
ความเป็นเหยื่อ ผู้ถูกกระทำ ก็จบแล้ว ทักษิณได้ใบบริสุทธิ์แล้ว
อารมณ์โกรธของคนบางทีก็ไร้เหตุผล
แต่การเมืองที่สูญเสียความชอบธรรมก็ย่อมเจออย่างนี้เอง