น่าที่รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง (บ่ายนี้) จะยังสามารถทำงานร่วมกับฝ่ายค้านใหม่ ในกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญ เรื่อง ตลก.รธน.ก้าวล้ำอำนาจฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ ได้

ไม่น่าจะต้องลุ้นอะไร ที่บ่ายนี้ประเทศไทยจะได้นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองในประวัติศาสตร์ และไม่บังเอิญ ไม่เซอร์ไพร้ส์เหมือนคนแรก นามสกุลเดียวกัน คนนั้นน้อง คนนี้ลูก ของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้คร่ำหวอดกับเกมการเมือง

จะว่าทักษิณขอบใจศาลรัฐธรรมนูญ ที่ช่วยเบ่งขยายอำนาจก้าวล้ำเข้าไป ‘สั่ง’ หัวหน้าฝ่ายบริหารให้ออกจากตำแหน่ง ก็ใช่ที่ ทักษิณกับบริวารของเขาในพรรคเพื่อไทย จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับความเป็นตัวตนใหม่ของ ตลก.รธน.

ไม่สำคัญเท่าเขาได้ประโยชน์จากมัน ไม่เพียงได้จังหวะปะเหมาะดันแพทองธารเข้าไปนั่งตำแหน่งนายกฯ เพื่อการบริหารจัดการรัฐบาล และแก้ปัญหาฟันเฟืองขัดข้องเป็นบางครั้งในดีลข้ามขั้ว ได้สะดวกกว่าตอนเศรษฐาเป็นนายกฯ

และแน่ๆ ทักษิณก็จะถูกบันทึกในความทรงจำทางการเมือง ต่อการเป็นผู้มีส่วนทำให้การเมืองไทยผันผวนออกนอกลู่ของการเป็นประชาธิปไตย ไปสู่ลู่คู่ขนานของการมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นอกเหนือจากอีกหลายๆ อย่างที่เขาได้บิด

จะเรียกว่าประโยชน์ทางการเมืองที่ทักษิณได้รับจากบทบาทเหนือรัฐธรรมนูญของ ตลก.รธน.คราวนี้ เป็นผลพลอยได้ก็ว่าไป แต่การก้าวก่ายอำนาจนิติบัญญัติของศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อกันว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยกับพรรคเพื่อไทยของทักษิณ

(ควรบันทึกไว้ในที่นี้ว่า ข้อสรุปเรื่องศาลรัฐธรรมนูญที่ว่า ‘ตุลาการ’ ก้าวขาเข้ามามีบทบาทในอาณาเขตของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัตินี้มาจากการวิเคราะห์ของ รศ.ดร.มุนินทร์ พงศาปาน แห่งคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)

ข้อควรคำนึงอยู่ที่ หลังจาก ‘อุ๊งอิ๊ง’ ได้ครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเต็มพิกัดแล้ว มีอะไรจะทำให้ทักษิณและพรรคเพื่อไทยหวนมาสร้างเสริมหลักการประชาธิปไตย ให้กลับมาเข้มแข็งกว่าที่เป็นมาได้บ้าง โดยเฉพาะจากนโยบายการ ‘แก้รัฐธรรมนูญ’

หนึ่งในคำแถลงของ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนต่อการโหวตคัดตัวนายกรัฐมนตรีต่อจากเศรษฐา ทวีสิน วันนี้ (๑๖ สิงหา) นอกจากยืนยันหลักการเดิมพรรคก้าวไกล ไม่ร่วมสังฆกรรมกับพรรคข้าวขั้วไปจูบปากฝ่ายสืบทอดรัฐประหาร

กับประกาศให้ ส.ส.๑๔๓ คนเป็นฝ่ายค้านแล้ว เขาบอกว่าจะร่วมกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคเพื่อไทยยื่นไว้ในสภา แม้นว่าจุดยืนบางอย่างของรัฐบาลเศรษฐาผู้ยื่น จะต่างกับของก้าวไกล/ประชาชน สุดกู่อยู่ก็ตาม

ทว่าในกรณีองค์กรตามรัฐธรรมนูญ เช่นศาล รธน.และองค์กรอิสระอื่นๆ เห็นได้ชัดว่าองค์กรที่ผู้ดำรงตำแหน่งมาจากการแต่งตั้ง ส่วนมากโดยผลพวงรัฐประหารเสียด้วย ล้วนไม่เป็นคุณต่อระบอบประชาธิปไตย และสร้างความเดือดร้อนให้พรรคการเมือง

จึงน่าที่รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง (บ่ายนี้) จะยังสามารถทำงานร่วมกับฝ่ายค้านใหม่ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน แม้แต่กับพรรคการเมืองต่างๆ รวมทั้งของทักษิณเอง เว้นแต่ว่ารัฐบาลอุ๊งอิ๊งในเงาของทักษิณจะเปลี่ยนไปยิ่งกว่าเก่าเสียแล้ว

(https://thematter.co/social/politics/constitutional-courth-problem-munin/230174)