เรื่อง ดร.เค็ง ที่ถูก ม.แม่ฟ้าหลวงฟ้องเรียกใช้คืนทุน ๑๐ ล้านบาท เนื่องจากเธอป่วยอาการจิตเวชกำเริบ แล้วขอลาออก แต่ไม่เซ็นใบลาเพราะข้อขัดข้องเงื่อนไขการชดใช้ทุน ท้ายที่สุดมหาวิทยาลัยก็แจ้งสิ้นสภาพการงาน และฟ้องร้องดังกล่าว
ขณะนี้มีสื่อหลายแหล่งนัดสัมภาษณ์เธอ หลังจากที่ บก.ลายจุดนำเรื่องราวของเธอมาเปิดต่อสาธารณะ เมื่ออาการจิตเวชของเธอเต็มขั้น ใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่ในเชียงราย “พูดคนเดียว ไม่อาบน้ำ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเดิมๆ อยู่เป็นปี...
แม้ตอนนี้อาการจิตเวชจะดีขึ้นแล้วเธอยังมีอาการซึมเศร้า และรับรู้ว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับการฟ้องร้องจนต้องกลายเป็นบุคคลล้มละลาย” เค็งต่อสู้คดีด้วยตนเองในศาลปกครอง “เธอสู้ว่าเธอไม่ได้หนีทุน แต่เพราะเธอป่วยซึ่งมิใช่การกระทำของตนเอง”
สมบัติ บุญงามอนงค์ ชี้ว่าระเบียบกระทรวงวิทยาศาสตร์มีข้อยกเว้นเรื่องการใช้ทุน หากเจ็บป่วยจนไม่สามารถทำงานได้ แต่ศาลพิจารณากรณีเพียงว่าได้ใช้ทุนหรือไม่ “ไม่ได้พิจารณาว่าป่วยหรือไม่ป่วย เธอแพ้คดีในศาลปกครองชั้นต้น และอยู่ระหว่างการอุธรณ์”
อย่างไรก็ดีขณะนี้ ดร.เค็งได้เข้าทำงานที่สถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคมที่ผ่านมา ผู้บริหารที่ทำงานใหม่รับทราบประวัติที่ผ่านมาของเธอแล้วจาก บก.ลายจุด ซึ่งภาวนาว่า เรื่องราวอึงอื้อของเธอจะไม่กระทบต่องานใหม่
ความเป็นมา เค็งเกิดในครอบครัวคนจีน เป็นลูกคนที่ ๘ ในพี่น้อง ๙ คน พวกพี่ๆ ช่วยส่งเสียเรียนหนังสือกระทั่งไปเรียนต่อ ป.เอกที่ประเทศอังกฤษ ระหว่างเรียนที่นั่นเริ่มอาการจิตเวชหนักขนาดต้องมีการนำตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาล
การรักษาได้ผลจนเธออาการเป็นปกติแล้วกลับไปเรียนต่อจนจบปริญญาเอก จากนั้นไปใช้ทุนเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์อยู่ที่ ม.แม่ฟ้าหลวง จนกระทั่งเกิดอาการจิตเวชอีกครั้ง “เธอเริ่มเขียน email ถึงผู้บริหารมหาวิทยาลัย วิพากษ์วิจารณ์การบริหารงาน”
ทั้งยังวิพากษ์วิจารณ์การเมือง “เนื่องจากอาการหูแว่ว” จดหมายถูกเขียนและส่งออกไปนับร้อยฉบับ และตนเองเกิดวิตกว่าจะเกิดอันตรายหรือเป็นพิษภัยต่อผู้อื่น จึงได้แจ้งผู้บริหารว่าจะขอลาออก พร้อมทั้ง “ช่วยตรวจสอบเงื่อนไขการลาออกด้วย”
ปัญหากับ ม.แม่ฟ้าหลวง เจ้าของทุน จะลงเอยอย่างไร ผู้ใส่ใจเรื่องราวของเธอต่างหวังว่า การเรียก ดร.เค็ง และ ม.แม่ฟ้าหลวงไปให้การต่อกรรมาธิการ อว.ในวันที่ ๑๔ ธันวานี้ จะให้ผลดีเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย