เขาหมายความอย่างไร ต้องไปดูรายละเอียดเนื้อหาที่แถลง ว่าอยู่ในกรอบ ๕ คิด คือ คิดดีทำได้ คิดไปทำไป คิดสั้นไม่คิดยาว คิดใหญ่ทำเล็ก และคิดอย่างทำอย่าง แถมด้วยเสนอแนะปีหน้า ควรมี ‘Strategic Roadmap’ ให้ชัดเจน
ความหมายของยุทธศาสตร์เส้นทางก็คือ “ถ้าเป็นผม” จะทำอะไร อย่างไรบ้าง มีตัวชี้วัดให้ติดตามผลลัพท์ได้ และก่อนประกาศอะไร ต้องมีวิธีการสำหรับปฏิบัติให้พร้อม อีกทั้งพรรคร่วมรัฐบาลควรมีเอกภาพ ไม่ใช่มาขัดแย้งกันในขั้นดำเนินการ
โดยเฉพาะปีหน้า ถ้าจะมี ‘เมกะโปรเจ็ค’ อย่างเช่น ‘แลนด์บริดจ์’ ขอให้ทำการศึกษาอย่างละเอียดเสียก่อนประกาศออกไป (ไม่ใช่เจองานวิจัยของมหาวิทยาลัยออกมาว่าไม่คุ้ม เป็นต้น) ทั้งหมดนี้ย้อนรอยกลับไปทีละข้อได้ว่า
เรื่องตั้งกรรมการนี่มีเสียงข้างนอกบอกว่าเหมือนรัฐบาล ‘ตู่ ๑’ เดี๊ยะเลย เป็นยุทธวิธีถ่วงเวลา อะไรที่จะทำแต่ยังทำไม่ได้ ตั้งกรรมการดันไว้ก่อน อันนี้ Thanapol Eawsakul ยกตัวอย่างเรื่องนิรโทษกรรม ก็ยื่นญัตติด่วนขอตั้งกรรมาธิการ
ชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อเพื่อไทยบอกว่า ต้องรอบคอบ หารือทุกฝ่ายเสียก่อน เป็นเรื่องอ่อนไหว ต้องตั้งกรรมาธิการเพื่อศึกษาเกี่ยวกับการเสนอ พรบ.ให้มีการนิรโทษกรรมเสียก่อน ขณะที่รองนายกฯ ภูมิธรรม เวชยชัย บอกว่ายังไม่ได้เริ่มคุยกันเลย
กรณีคิดสั้นไม่คิดยาว เช่นลดค่าไฟและลดค่าโดยสาร เรื่องแรกบอกลดเหลือ ๓.๙๙ บาทต่อหน่วย แต่ กกพ.เคาะไว้ว่า ๔.๖๘ บ./หน่วย ส่วนค่าโดยสารรถไฟฟ้า ๒๐ บาท สายสีม่วงและแดง มีประชาชนได้รับประโยชน์แค่ ๘ หมื่นคน ไม่ถึง ๕% ของผู้ใช้
ที่คิดไปทำไปชัดแจ้งก็ดิจิทัลวอลเล็ตนั่นละ เปลี่ยนมาแล้ว ๔ ครั้ง ลงเอยก็ต้องใช้แอ็พ เป๋าตังค์ และครอบคลุมเพียง ๕๐ ล้านคน และสุดท้ายเรื่องคิดดีทำได้ ก็การช่วยตัวประกันสงครามยิว-ปาเลสไตน์ กลับบ้านแล้วเยียวยา ๕ หมื่นบาท
เขาตอบด้วยว่าแม้จะถูกโดดเดี่ยว เช่นถ้าพรรคประชาธิปัตย์ชุดปัจจุบันข้ามเหวไปร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยตามที่นักข่าวถาม พรรคของเขาก็ยังจะเป็น ฝ่ายค้านเชิงรุก-สร้างสรรค์ อย่างเดิม เพราะเป็นพรรคที่มี ส.ส.มากที่สุดต้องความไว้วางใจของประชาชน
(https://www.youtube.com/watch?v=KYCZmtil568 และ https://www.facebook.com/photo/?fbid=691386149787398&set=a.586524703606877)
