วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 01, 2563

สมัย ร.๑๐ เป็นยุคที่พสกนิกรผู้มีความจงรักภักดีมีเสรีสุดๆ เที่ยวตรวจสอบ ‘ความดี’ ของผู้เห็นต่างเมื่อไร ที่ไหนก็ได้


นึกว่าจะเนียน ตำรวจคอแดง นี่ไม่ต่างกับตะหานนัก ห้อยโหนแถลงออกมาได้ด้านๆ “ตรวจสอบกรณีตำรวจนอกเครื่องแบบ ๕ ราย เข้าไปทำร้ายร่างกายแกนนำคณะราษฎรขณะเตรียมอายัดตัว” แล้ว “ไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด”

นี่ถ้ามีใครถามว่าทำไมในหลวง ร.๑๐ ทรงพระเซ ก่อนจะมีดำรัสต่อเสื้อเหลืองชูรูป ร.๙ ว่า กล้ามาก เก่งมากพล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.คงบอกว่าไม่มีเหตุการณ์นั้น คนถ่ายคลิปมือสั่นไปเอง อ้างได้ตรวจสอบแล้ว ถามหน่อย เชื่ออะไรได้

ตรวจสอบแบบเมื่อตอนยกโขยงกันไปพัทยา ขุดคุ้นรอยเท้าบนผืนทรายแล้วไม่พบว่ามีกะหรี่ขายหอยแครงสักกะราย งั้นเหรอ แล้วที่ผู้เสียหายออกมาเล่าเหตุการณ์ที่ทำให้ตนเองถึงกับวูบ เป็นลมหรือ ‘passed out’ จนต้องเข้าโรงพยาบาลล่ะ

ภานุพงศ์ จาดนอก เล่าเหตุที่เกิดในช่วงเวลาสองทุ่มถึงสองทุ่มครึ่งตอนที่เขากำลังจะได้รับการปล่อยตัว หลังจากศาลไม่อนุมัติให้ตำรวจฝากขัง กับ ไอลอว์ ว่า “เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เปิดประตูให้ตำรวจนอกเครื่องแบบอย่างน้อย ๔ คนเข้ามาเอาตัว

...มาถึงก็พยายามจับและกระชากเสื้อ” ไม้ค์บอกกับตำรวจเหล่านั้นว่า “พี่อย่าจับผม พี่ไปคุยกับนายมาให้เรียบร้อยก่อนว่าจะใช้อำนาจไหนในการมาจับ พวกตำรวจถอยกลับไป แล้วกลับมาใหม่เพิ่มจำนวนเป็น ๖ คน พูดกันเองว่า “สงสัยต้องใช้กำลัง”

จากนั้นก็กรูเข้าไปกระชากตัว ทั้ง “ล็อคคอและตีเข่า” เขากับเพ็นกวิน พริษฐ์ ชีวารักษ์ มีคนละหมัดสองหมัด บนรถเราจึงเปิดกระจกแล้วตะโกนว่า ช่วยด้วย พอมวลชนเห็นก็เลยขับรถกรูกันเข้ามาแล้วขวางรถ และเหตุที่เขาเป็นลมเพราะตำรวจปิดกระจกปิดไฟหมด

คงทราบกันแล้วเหตุการณ์หลังจากนั้นที่ สน.ประชาชื่น และเมื่อตำรวจตามไปจับพิมพ์นิ้วมือข้างที่มีเข็มน้ำเกลือเสียบอยู่นั่น แจ้งข้อหาดำเนินคดีให้เสร็จสรรพจนได้ แล้วเมื่อคดีนั้นศาลท้องที่ยกคำร้องอีก ก็มีการนำคดีอื่นไปอายัดตัวอีก

รอง ผบช.น. เย้ยว่า “หลังจากนี้จะมีหมายอื่นตามมาอีก...ซึ่งขณะนี้มีประมาณ ๘๐ กว่าหมาย” ซึ่งที่หยันด้วยว่า “ตราบใดที่ยังทำความผิดเรื่อยๆ” นั้นความผิดอะไร ฐานเรียกร้องความถูกต้องชอบธรรมล่ะหรือ คือความผิดของพวกคุณเอ็ง

มีคนถามอีกนะรองฯ ต๊ะ “ม๊อบมินเนี่ยนทุบตีทำร้ายเด็กๆ ที่ ม.ราม ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น #หลักฐานอ่อน” ทั่นตาบอดตาใส หรือว่า “ปากดำ ฟันผุ เมายา” เหมือนกัน มิหนำซ้ำ “สน.ประชาชื่นเตรียมแจ้งข้อหาม๊อบทุบกระจกรถตำรวจเสียหาย” รายเดียวกันโพสต์

เขาชี้ #เมื่อช่วยเพื่อนที่หมดสติจากการขาดอากาศเป็นความผิด ตำหวดยุคมีผ้าผูกคอ อะไรจะเถรตรง เฉพาะเรื่องเฉพาะภารกิจได้ขนาดนั้น “ต้องนำไปฝากขัง แต่ถ้ายังไม่ถึงขั้นตอนนั้นกระบวนการก็ยังไม่เสร็จสิ้น ต้องนำตัวมาสอบปากคำ” พิธีกรรมยาวมากส์


แล้วพระบรมราชโองการ เก่งมาก กล้ามากยังเริ่มออกฤทธิ์อีกด้วย กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบันฯ ออกมาดาหน้าประกาศรับลูก ลุย จาก บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ และสมีสุวิทย์ กรวยอิสระ น่าจะทั้งมาดกร่าง หมาย ตบทุกเยาวชนที่ชูสามนิ้ว แล้วยัง ตี สบักใครที่บังอาจผ่าน

รูปการณ์ดังว่า ถ้าหากพระเจ้าอยู่หัวยังไม่มีพระประสงค์เสด็จกลับ ตำหนักพักยาวในบาวาเรียอีกนานละก็ คงได้เห็นพสกนิกรประเภท เก่งกล้าเดือดเนื้อร้อนใจว่า “สถานการณ์ในปัจุบันถือว่าเกิดวิกฤตเกี่ยวกับความมั่นคงภายในประเทศ” ออกมาไล่ตีประชาชนกันบ้างละ

ดูแต่พวกสวมเสื้อเหลืองไปรอรับเสด็จฯ ที่ธรรมศาสตร์งาน รับ-ไม่รับพระราชทานปริญญา อุตส่าห์บอกตรงๆ ว่าไปรอ จับผิด พวกไม่เข้ารับพระราชทานฯ “เพื่อจับตาดูกลุ่มบุคคลที่อาจจะมาแสดงออกที่ไม่เหมาะสม” ในความคิดของพวกตน

อันนี้ต้องมีการบันทึกในประวัติศาสตร์ว่า ในรัชสมัย ร.๑๐ เป็นยุคที่พสกนิกรผู้มีความจงรักภักดีมีเสรีสุดๆ เที่ยวตรวจสอบ ความดี ของผู้เห็นต่างเมื่อไร ที่ไหนก็ได้ หรือจะออกไปไล่ตีเด็กพวกนั้น มั่นใจได้เลยว่าตำรวจจะมองไม่เห็น

(https://www.bbc.com/thai/thailand-54759031?at_custom4=2EDA259A, https://www.matichon.co.th/politics/news_2420125, https://www.khaosod.co.th/politics/news_5224321 และ https://www.posttoday.com/politic/news/636933?3I8UJDSjs)