นึกว่าจะเนียน ‘ตำรวจคอแดง’ นี่ไม่ต่างกับตะหานนัก ‘ห้อยโหน’ แถลงออกมาได้ด้านๆ “ตรวจสอบกรณีตำรวจนอกเครื่องแบบ ๕ ราย เข้าไปทำร้ายร่างกายแกนนำคณะราษฎรขณะเตรียมอายัดตัว” แล้ว “ไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด”
นี่ถ้ามีใครถามว่าทำไมในหลวง ร.๑๐ ทรงพระเซ ก่อนจะมีดำรัสต่อเสื้อเหลืองชูรูป ร.๙ ว่า ‘กล้ามาก เก่งมาก’ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.คงบอกว่าไม่มีเหตุการณ์นั้น คนถ่ายคลิปมือสั่นไปเอง อ้างได้ตรวจสอบแล้ว ถามหน่อย เชื่ออะไรได้
ตรวจสอบแบบเมื่อตอนยกโขยงกันไปพัทยา ขุดคุ้นรอยเท้าบนผืนทรายแล้วไม่พบว่ามีกะหรี่ขายหอยแครงสักกะราย งั้นเหรอ แล้วที่ผู้เสียหายออกมาเล่าเหตุการณ์ที่ทำให้ตนเองถึงกับวูบ ‘เป็นลม’ หรือ ‘passed out’ จนต้องเข้าโรงพยาบาลล่ะ
ภานุพงศ์ จาดนอก เล่าเหตุที่เกิดในช่วงเวลาสองทุ่มถึงสองทุ่มครึ่งตอนที่เขากำลังจะได้รับการปล่อยตัว หลังจากศาลไม่อนุมัติให้ตำรวจฝากขัง กับ ‘ไอลอว์’ ว่า “เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เปิดประตูให้ตำรวจนอกเครื่องแบบอย่างน้อย ๔ คนเข้ามาเอาตัว
...มาถึงก็พยายามจับและกระชากเสื้อ” ไม้ค์บอกกับตำรวจเหล่านั้นว่า ““พี่อย่าจับผม พี่ไปคุยกับนายมาให้เรียบร้อยก่อนว่าจะใช้อำนาจไหนในการมาจับ” พวกตำรวจถอยกลับไป แล้วกลับมาใหม่เพิ่มจำนวนเป็น ๖ คน พูดกันเองว่า “สงสัยต้องใช้กำลัง”
จากนั้นก็กรูเข้าไปกระชากตัว ทั้ง “ล็อคคอและตีเข่า” เขากับเพ็นกวิน พริษฐ์ ชีวารักษ์ “มีคนละหมัดสองหมัด บนรถเราจึงเปิดกระจกแล้วตะโกนว่า ช่วยด้วย พอมวลชนเห็นก็เลยขับรถกรูกันเข้ามาแล้วขวางรถ” และเหตุที่เขาเป็นลมเพราะตำรวจปิดกระจกปิดไฟหมด
คงทราบกันแล้วเหตุการณ์หลังจากนั้นที่ สน.ประชาชื่น และเมื่อตำรวจตามไปจับพิมพ์นิ้วมือข้างที่มีเข็มน้ำเกลือเสียบอยู่นั่น แจ้งข้อหาดำเนินคดีให้เสร็จสรรพจนได้ แล้วเมื่อคดีนั้นศาลท้องที่ยกคำร้องอีก ก็มีการนำคดีอื่นไปอายัดตัวอีก
รอง ผบช.น. เย้ยว่า “หลังจากนี้จะมีหมายอื่นตามมาอีก...ซึ่งขณะนี้มีประมาณ ๘๐ กว่าหมาย” ซึ่งที่หยันด้วยว่า “ตราบใดที่ยังทำความผิดเรื่อยๆ” นั้นความผิดอะไร ฐานเรียกร้องความถูกต้องชอบธรรมล่ะหรือ คือความผิดของพวกคุณเอ็ง
มีคนถามอีกนะรองฯ ต๊ะ “ม๊อบมินเนี่ยนทุบตีทำร้ายเด็กๆ ที่ ม.ราม ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น #หลักฐานอ่อน” ทั่นตาบอดตาใส หรือว่า “ปากดำ ฟันผุ เมายา” เหมือนกัน มิหนำซ้ำ “สน.ประชาชื่นเตรียมแจ้งข้อหาม๊อบทุบกระจกรถตำรวจเสียหาย” รายเดียวกันโพสต์
เขาชี้ #เมื่อช่วยเพื่อนที่หมดสติจากการขาดอากาศเป็นความผิด ตำหวดยุคมีผ้าผูกคอ อะไรจะเถรตรง ‘เฉพาะเรื่องเฉพาะภารกิจ’ ได้ขนาดนั้น “ต้องนำไปฝากขัง แต่ถ้ายังไม่ถึงขั้นตอนนั้นกระบวนการก็ยังไม่เสร็จสิ้น ต้องนำตัวมาสอบปากคำ” พิธีกรรมยาวมากส์
แล้วพระบรมราชโองการ ‘เก่งมาก กล้ามาก’ ยังเริ่มออกฤทธิ์อีกด้วย กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบันฯ ออกมาดาหน้าประกาศรับลูก ‘ลุย’ จาก บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ และสมีสุวิทย์ ‘กรวย’ อิสระ น่าจะทั้งมาดกร่าง หมาย ‘ตบ’ ทุกเยาวชนที่ชูสามนิ้ว แล้วยัง ‘ตี’ สบักใครที่บังอาจผ่าน
รูปการณ์ดังว่า ถ้าหากพระเจ้าอยู่หัวยังไม่มีพระประสงค์เสด็จกลับ ‘ตำหนักพักยาว’ ในบาวาเรียอีกนานละก็ คงได้เห็นพสกนิกรประเภท ‘เก่งกล้า’ เดือดเนื้อร้อนใจว่า “สถานการณ์ในปัจุบันถือว่าเกิดวิกฤตเกี่ยวกับความมั่นคงภายในประเทศ” ออกมาไล่ตีประชาชนกันบ้างละ
ดูแต่พวกสวมเสื้อเหลืองไปรอรับเสด็จฯ ที่ธรรมศาสตร์งาน ‘รับ-ไม่รับ’ พระราชทานปริญญา อุตส่าห์บอกตรงๆ ว่าไปรอ ‘จับผิด’ พวกไม่เข้ารับพระราชทานฯ “เพื่อจับตาดูกลุ่มบุคคลที่อาจจะมาแสดงออกที่ไม่เหมาะสม” ในความคิดของพวกตน
อันนี้ต้องมีการบันทึกในประวัติศาสตร์ว่า ในรัชสมัย ร.๑๐ เป็นยุคที่พสกนิกรผู้มีความจงรักภักดีมีเสรีสุดๆ เที่ยวตรวจสอบ ‘ความดี’ ของผู้เห็นต่างเมื่อไร ที่ไหนก็ได้ หรือจะออกไปไล่ตีเด็กพวกนั้น มั่นใจได้เลยว่าตำรวจจะมองไม่เห็น
(https://www.bbc.com/thai/thailand-54759031?at_custom4=2EDA259A, https://www.matichon.co.th/politics/news_2420125, https://www.khaosod.co.th/politics/news_5224321 และ https://www.posttoday.com/politic/news/636933?3I8UJDSjs)