วันพุธ, มิถุนายน 10, 2563

ชนกนันท์ รวมทรัพย์ เขียนถึง UNHCR ในฐานะผู้ลี้ภัยไทยและคนที่ทำงานในองค์กรผู้ลี้ภัยอยู่ตอนนี้ เธอว่า "องค์กรนี้ล้มเหลวในการโปรโมทเรื่องผู้ลี้ภัยมาก"




อยากเขียนเรื่อง UNHCR มานานแล้ว ในฐานะผู้ลี้ภัยไทยและคนที่ทำงานในองค์กรผู้ลี้ภัยอยู่ตอนนี้ เราว่าองค์กรนี้ล้มเหลวในการโปรโมทเรื่องผู้ลี้ภัยมาก ไม่ใช่แค่ UNHCR ประเทศไทย แต่ UNHCR ทั่วโลกมีปัญหาเดียวกันหมดคือ ชอบเอาชอบรูปเด็กผอมๆเหลือแต่กระดูก ใส่เสื้อผ้ามอมแมม ฉากหลังเป็นค่ายผู้ลี้ภัยที่บางทีก็มีภาพระเบิดติดมาในฉากหลัง เอามาโปรโมทหาเงินจากผู้บริจาคทั่วโลก

จะเห็นได้ว่าตามซุ้มบริจาคขององค์กรนี้ทั่วโลกจะเห็นแต่ภาพแบบนี้ทั้งนั้น ที่เกาหลีก็เป็น แล้วเวลาตั้งดาราที่มีชื่อเสียงมาเป็นทูตสันตวไมตรี ดาราพวกนี้จะก็จะถูกพาไปที่ค่ายผู้ลี้ภัย มีภาพทำกิจกรรมร่วมกันอย่าง ป้อนข้าว ป้อนน้ำ โอบกอดกัน ออกมาเผยแพร่เพื่อใช้ในการระดมทุน มันก็ถูกที่ภาพแบบนี้มันขายได้ คนดูแล้วอยากควักกระเป๋า

แต่ปัญหาคือการฉายภาพผู้ลี้ภัยแบบเดียวแบบนี้ทำให้คนทั่วไปมีภาพจำที่ผิดเกี่ยวกับผู้ลี้ภัย แล้วทำให้คนคิดว่าเรื่องผู้ลี้ภัยเป็นเรื่องไกลตัว ถ้าไม่ได้เดินทางไปตามตะเข็บชายแดนหรือพื้นที่ที่กันดารมากๆคงไม่มีทางได้เจอผู้ลี้ภัยตัวเป็นๆแน่ๆ ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะตามสถิติคือมากกว่า 60% ของผู้ลี้ภัยทั่วโลกคือ urban refugees หรือผู้ลี้ภัยที่อาศัยอยู่ในเมือง ที่เหลืออีก 30 กว่าเปอร์เซ็นต์คือผู้ลี้ภัยในค่ายตามภาพที่ UNHCR เอามาฉายให้เราดู พอพูดแบบนี้แล้วผู้ลี้ภัยค่อยขยับเข้ามาใกล้ชีวิตเราขึ้นมาหน่อย บางทีคุณอาจจะเดินสวนกับผู้ลี้ภัยกลางกรุงเทพฯอยู่บ่อยๆก็ได้ แค่คุณไม่คิดว่าเค้าเป็นผู้ลี้ภัยเพราะภาพที่เห็นมันไม่เหมือนกับภาพของผู้ลี้ภัยที่ UNHCR เอามาโปรโมท

การลดทอนความหลากหลายของผู้ลี้ภัยในโลกมันทำให้ผู้ลี้ภัยประเภทอื่นๆอยู่ยากมาก เราเชื่อว่าผู้ลี้ภัยไทยทุกคนคงเคยเจอคำถามว่า ประเทศไทยไม่มีสงครามทำไมถึงมีผู้ลี้ภัย ทุกครั้งที่เราต้องตอบคำถามนี้ เราจะรู้สึกหงุดหงิดกับ UNHCR มาก (เพราะมึงแท้ๆ กูต้องมานั่งอธิบายแทนว่าภาพที่มึงฉายไปทั่วโลกมันทำคนอื่นเข้าใจผู้ลี้ภัยผิดไปหมด)

เวลาเราพูดถึงผู้ลี้ภัยเราควรจะเน้นเรื่องผู้ลี้ภัยคือคนที่ไม่สามารถกลับประเทศบ้านเกิดได้เพราะความหวาดกลัวการถูกประหัตประหารหรือได้รับการคุกคามต่อชีวิตเนื่องจากสาเหตุข้อใดข้อหนึ่งจาก 5 ข้อนี้: เชื้อชาติ, สัญชาติ, ศาสนา, การเมือง, และ สมาชิกของกลุ่มทางสังคมใดๆ
ไม่ใช่ไปโฟกัสที่ความจน ความอดอยาก ความน่าสงสาร

ซึ่งจริงๆแล้วผู้ลี้ภัยมีทั้งจนและรวยเหมือนคนทั่วไป คนที่ไม่มีเงินแล้วต้องลี้ภัยก็แน่นอนว่าควรได้รับการช่วยเหลือด้านปัจจัย 4 มากกว่าคนที่มีเงิน แต่อย่าลืมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผู้ลี้ภัยทั้งรวยและจนต้องการคือ 'ความปลอดภัย' นี่คือเหตุผลที่พวกเราทั้งรวยและจนต้องลี้ภัยออกจากประเทศบ้านเกิดมา

อีกอย่างที่ผู้ลี้ภัยต้องการมากที่สุดก็คือ 'สถานะผู้ลี้ภัย' เพื่อจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้เหมือนคนทั่วไป ผู้ลี้ภัยหลายคนที่เราเจอมีอาชีพการงานที่ดีในประเทศบ้านเกิด เป็นเภสัช เป็นวิศวกร เป็นครู แต่พอต้องลี้ภัยมา ความรู้พวกนี้ไม่สามารถเอามาใช้เลี้ยงชีพในประเทศที่ลี้ภัยได้เพราะยังไม่ได้สถานะ ไม่มีใครอยากจ้าง

พวกเราที่เป็น local NGOs เรื่องผู้ลี้ภัยทำงานกันอย่างหนักเพื่อโปรโมทให้คนท้องถิ่นรู้ว่าผู้ลี้ภัยหลายๆคนมีความสามารถและอยากที่จะ contribute ให้กับสังคม เราต่อสู้อย่างหนักกับ propaganda เรื่องผู้ลี้ภัยของ UNHCR ว่าคือคนโง่ จน เจ็บ ต้องการความช่วยเหลือตลอดเวลา มันไม่ใช่ สิ่งที่ UNHCR ควรต้องทำคือทำงานกับชุมชนให้เปิดใจรับผู้ลี้ภัยเข้าไปเป็นส่วนนึงของสังคม นี่กลับผลักประเด็นผู้ลี้ภัยออกห่างจากสังคม

ความล้มเหลวขององค์กรนี้อีกอย่างคือนอกจากจะไม่ได้ทำให้คนเข้าใจว่าจริงๆแล้วผู้ลี้ภัยคืออะไร คนในองค์กรเองก็ไม่ได้ถูกให้ความรู้เหมือนกัน ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ที่มาขอรับบริจาคตามซุ้มไปจนถึงทูตสันตวไมตรี พรีเซ็นเตอร์ หรือคนในระดับสูงขององค์กร เราสงสัยว่าองค์กรระดับโลกขนาดนี้ ตอนสัมภาษณ์รับใครก็ตามเข้ามาในองค์กร ไม่มีคำถามว่า ผู้ลี้ภัยคือใครหรอ? เพราะเห็นได้ชัดว่าพรีเซ็นเตอร์ขององค์กรแต่ละคนนี่ไม่มีความรู้เรื่องผู้ลี้ภัยเลย กรณีปู ไปรยา ที่บอกว่าไม่อยากให้เป็นเรื่องการเมืองคือชั้นต่ำมาก ผู้ลี้ภัยทุกคนในโลกไม่ว่าจะเพราะศาสนา เชื้อชาติ สัญชาติ สงคราม หรือ แม้กระทั่งเป็นเกย์แล้วต้องลี้ภัยเนี่ยก็เรื่องการเมืองทั้งนั้น เราจะพูดปัญหาเรื่องผู้ลี้ภัยโดยการเลี่ยงไม่พูดว่าอะไรที่ทำให้คนๆนึงต้องลี้ภัยไม่ได้
_____________________

เราว่าเราจะเปิดคลาส #ผู้ลี้ภัยเบื้องต้น จริงจังแล้ว จะโพสท์เรื่องผู้ลี้ภัยบ่อยๆ เขียนออกมาแล้วเหมือนเป็นการเยียวยาหลังจากเจ็บที่โดน UNHCR ประเทศไทย (ในพระบรมราชูปภัมภ์) เอาตีนลูบหน้าหลายรอบเหลือเกิน


Chanoknan Ruamsap

ooo



ในอนาคตสถานการณ์ การลี้ภัยออกนอกประเทศของนักกิจกรรม นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย จะลำบากมากขึ้น ถ้ามีเหตุการณ์รุนแรงในเมืองไทย
เพราะการไล่ล่าจากรัฐบาลเผด็จการทหารไทยในประเทศเพื่อนบ้านส่วนหนึ่ง และการเปิดเผยข้อมูลลับอย่างสนุกสนานในประเทศเพื่อนบ้านของผู้ลี้ภัยเองส่วนหนึ่ง การไล่บี้ให้ประเทศเพื่อนบ้านแสดงความรับผิดชอบต่อการตายและสูญหายอีกส่วนหนึ่ง จะทำให้ประเทศเพื่อนบ้านเข็ดขยาด ต่อการเปิดรับผู้ลี้ภัยไทยในอนาคต แม้จะกระทำในทางลับก็ตาม เพราะแน่นอนในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไม่สามารถเปิดรับผู้ลี้ภัยไทยได้อย่างเปิดเผยอยู่แล้ว แต่ถึงตอนนี้คิดว่าในทางลับเค้าก็น่าจะไม่อยากเปลืองตัวมาช่วยเหลือ
มองไปรอบบ้านเมืองไทยก็มีแค่ มาเลย์เซีย พม่า กัมพูชา ลาว
มาเลย์เซีย
เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดถ้าผ่านแดนสลิ่มในภาคใต้ออกไปถึงได้ เพราะมีสายการบินจะต่อไปได้ทั่วโลกถ้าคุณมีพาสปอร์ตหรือวีซ่า แต่ข้อเสียคือถ้าจะไปมาเลย์เซียก็ต้องเข้าไปอย่างถูกต้องตามระบบเท่านั้น ไม่มีการหลับตาข้างนึงให้แล้วแอบข้ามแดนโดยไม่ผ่านด่านได้ เพราะถ้าผ่านเข้าไปแบบไม่ถูกต้องก็ออกไปต่อประเทศอื่นไม่ได้ ยกเว้นต้องไปขอลี้ภัยกับสำนักงาน UNHCR ที่นั่น ซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่จะได้ไปประเทศที่สามได้ และระหว่างอยู่ที่นั่นก็ใช่ว่าจะปลอดภัย เพราะมีกรณีส่งผู้ลี้ภัยไทยกลับมาแล้ว แม้จะอยู่ในขั้นตอนการข้อลี้ภัย
อ่าน ตร.มาเลย์จับจำเลยคดีเสื้อสหพันธรัฐไทส่งกองปราบฯ ระหว่างรอสถานะผู้ลี้ภัยจาก UNHCR
https://prachatai.com/journal/2019/05/82416
พม่า
สายการบินที่จะไปต่อยังประเทศอื่นๆยังมีจำกัด จะข้ามชายแดนไปยังเมืองหลวงบางพื้นที่ต้องผ่านชนกลุ่มน้อยในประเทศ แค่จะผ่านตรงนี้ไปก็เหนื่อยแล้ว หรือถ้าเข้าไปแบบไม่ถูกต้องก็ออกไปต่อไม่ได้อยู่ดี การจะอยู่ลี้ภัยในพม่าเลย ก็ต้องปรับตัวมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ
ลาวและกัมพูชา
แม้ในทางการสองประเทศนี้จะปฏิเสธต่อรัฐบาลเผด็จการทหารไทย ว่าไม่มีผู้ลี้ภัยไทยในประเทศ แต่จนถึงตอนนี้อย่างที่เป็นข่าวออกมาก็คงทราบกันแล้วว่า ทั้งสองประเทศให้ผู้ลี้ภัยไทยอาศัยอยู่ด้วยความเห็นใจ หรือให้เป็นที่พำนักระกว่างรอเดินทางไปสู่ประเทศที่สาม หรือช่วยให้ผู้เดินทางผ่านที่มีทั้งพาสปอร์ตและวีซ่าเดินทางออกไปได้แม้จะเข้ามาอย่างไม่ถูกต้องก็ตาม หรือใช้เป็นที่พำนักระหว่างติดต่อกับสถานทูตในประเทศเจริญแล้วต่างๆเพื่อขอลี้ภัยไปประเทศนั้นๆ เรียกว่าถ้ามีที่ไปรีบๆไปเลยเค้าจะช่วยยกเว้นกฎบางข้อให้ออกนอกประเทศได้ โดยมีข้อแม้แบบไม่เป็นทางการว่า อย่าให้มีหลักฐานว่าอยู่ที่นั่น เพื่อเปิดช่องว่างให้ทั้งสองประเทศปฏิเสธรัฐบาลเผด็จการทหารไทยว่า ไม่มีใครอยู่ เมื่อมีการร้องขอตัวจากรัฐบาลเผด็จการทหารไทย
ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลเผด็จการทหารก็ส่งรายชื่อไปร้องขอตัวจากเพื่อนบ้านสองประเทศนี้เป็นประจำ ที่ ประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกว่าไม่รู้เรื่องนั้นเป็นเรื่องตอแหล
เมื่อมีเหตุการไล่ล่าผู้ลี้ภัยไทยในประเทศเพื่อนบ้านทั้งสองเกิดขึ้น ทำให้ต่อไปนี้ทั้งสองประเทศก็ปฏิเสธยากแล้วว่าไม่เคยมีผู้ลี้ภัยไทยในประเทศตัวเอง และการจะเปิดรับอีกแม้จะเป็นทางลับก็เป็นเรื่องลำบากใจ
ซึ่งผลเสียก็จะตกอยู่กับนักกิจกรรมและนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในไทยนั้นเอง เมื่อมีเหตุการณ์คับขันเกิดขึ้นในอนาคต เพราะไม่เหลือประเทศเพื่อนบ้านให้เป็นที่หลบภัยไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาว การจะไปลี้ภัยต่างประเทศต้องมุ่งไปประเทศที่เจริญแล้วด้วยทางเครื่องบินและพร้อมด้วยพาสปอร์ตหรือมีวีซ่าเท่านั้น
เพราะฉะนั้นทางเดียวตอนนี้เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่อสู้เรียกร้องการเปลี่ยนแปลงใดๆในประเทศในอนาคต เราต้องชนะเท่านั้น ไม่มีทางหนีไปไหน เพราะหม้อข้าวในประเทศเพื่อนบ้านที่เคยช่วยเหลือถูกทุบทิ้งไปแล้ว