![](https://1.bp.blogspot.com/-iX1rv1Y9Rpc/Xt66V6wX8iI/AAAAAAABAjI/xwkylGgiLqErpe9VDpCqoyZaqfVrbj_yQCLcBGAsYHQ/s400/%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1-%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A8%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%2597%25E0%25B9%258C%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%2599.jpg)
แชร์ว่อน! 'กลาโหม' ทำเรื่อง ขอตำแหน่งมือถือประชาชน อ้าง พรก.ฉุกเฉิน
8 มิ.ย. 2563-
ข่าวสดออนไลน์
แชร์ว่อน! 'กลาโหม' ทำหนังสือ ขอตำแหน่งมือถือทุกคน ที่เคยอยู่ในบริเวณเดียวกัน กับผู้ติดเชื้อ อ้างอำนาจตาม พ.ร.บ. ควบคุมโรค ประกอบ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน
วันนี้ (8 มิ.ย) น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ นักเขียน นักแปลชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กผ่านแฟนเพจ Sarinee Achavanuntakul - สฤณี อาชวานันทกุล พร้อมลิงก์เอกสาร หนังสือจากกระทรวงกลาโหมถึง กสทช. และหนังสือจากกรมควบคุมโรคถึง กสทช. ขอให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือส่งข้อมูลตำแหน่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ย้อนหลัง 14 วัน โดยระบุรายละเอียด ดังนี้
มีคนส่งเอกสารชุดนี้มาให้ค่ะ เป็นหนังสือจากกระทรวงกลาโหม ถึง กสทช. และ หนังสือจากกรมควบคุมโรคถึง กสทช. ขอให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ส่งข้อมูลตำแหน่งสัญญาณโทรศัพท์ เคลื่อนที่ย้อนหลัง 14 วัน ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ รวมถึงข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ของทุกคนที่เคยอยู่ในบริเวณเดียวกันกับผู้ติดเชื้อ เพื่อส่ง SMS แจ้งเตือน และเพื่อดำเนินการสอบสวนโรค ทั้งหมดนี้อ้างอำนาจตาม พ.ร.บ. ควบคุมโรค ประกอบ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน
อ่านแล้วก็เกิดคำถามสามข้อทันที อยากให้ช่วยกันถามดังๆ และอยากให้สื่อมวลชนไปถามกระทรวงกลาโหม กสทช. กระทรวงดีอี กรมควบคุมโรค และ TRUE, AIS, DTAC ด้วย
1. กระทรวงกลาโหมเกี่ยวอะไรด้วยกับเรื่องนี้ กระบวนการสอบสวนโรคควรเป็นเรื่องของกรมควบคุมโรคล้วนๆ และหนังสือนี้มีมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 แล้ว ทำไมกระทรวงกลาโหม / กสทช. / กรมควบคุมโรค ถึงไม่เคยเปิดเผยกระบวนการนี้ให้ประชาชนรับรู้เลย ทั้งที่จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคล?
2. หนังสือทั้งสองฉบับออกตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 ก่อนวันเปิดตัวโครงการ "ไทยชนะ" เกือบหนึ่งเดือน เกิดคำถามทันทีว่าแล้วทำไมต้องมีโครงการ "ไทยชนะ" อีก ในเมื่อข้อมูลเบอร์และสัญญาณมือถือที่ขอตามหนังสือนี้ก็มากเกินพอแล้วต่อการสอบสวนโรค (แถมละเอียดและครอบคลุมกว่าข้อมูล QR code ที่ได้จาก "ไทยชนะ" หลายเท่า)
เชื่อว่าจนถึงวันนี้คนไทยทั้งประเทศไม่รู้เลยว่ามีกระบวนการนี้อยู่ นึกว่ามีแต่ "ไทยชนะ" เท่านั้นที่เป็นการใช้ข้อมูลมือถือช่วยกระบวนการสอบสวนโรค (และอย่าลืมว่า สามสัปดาห์ผ่านไป "ไทยชนะ" ก็ไม่ได้โปร่งใสแม้แต่น้อย เรายังคงไม่รู้ว่าใครใช้ข้อมูลเหล่านั้นบ้างและเอาไปทำอะไรบ้าง)
![](https://1.bp.blogspot.com/-AEQEbxsJjgY/Xt66ncYEMiI/AAAAAAABAjQ/ANjRFjR4SH4alOPTdJv1WoHthsC5jfQLgCLcBGAsYHQ/s640/1-e3188a58de.jpg)
![](https://1.bp.blogspot.com/-cQk_BRMi8rU/Xt66vGyogBI/AAAAAAABAjU/t9XHYWusWYg4FuY8wuyxU2J96yGxUlCmwCLcBGAsYHQ/s640/2-35e3c4896f.jpg)
3. วันนี้บริษัทมือถือทั้งสามเจ้ามีการส่งข้อมูลให้กรมควบคุมโรคทุกวัน ตามขั้นตอนที่ระบุในหนังสือนี้แล้วหรือไม่ การส่งข้อมูลเป็นไปตามระบบและนโยบายการคุ้มครองข้อมูล (data governance) ขององค์กรหรือไม่ (ที่ผู้ให้บริการทุกเจ้าได้ปรับปรุงแล้วเพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล)
![](https://1.bp.blogspot.com/-QOZyP9SZDpM/Xt668e6ighI/AAAAAAABAjc/gqR3D-eaRvYIcD-rESoli1LX8BylQ5SZgCLcBGAsYHQ/s640/4-dc4e0189c1.jpg)
อ่านเอกสารเต็มได้ที่นี่
Sarinee Achavanuntakul - สฤณี อาชวานันทกุล Warissara Srikhun ก็ทำแบบที่ประเทศอื่นที่เขาเคารพสิทธิส่วนบุคคลทำ ไม่ใช่มามุบมิบแบบนี้ เขียนไปหลายทีแล้วค่ะ https://themomentum.co/thai-chana-platform/
...