วันจันทร์, มิถุนายน 08, 2563

#ยกเลิก112 กลับมาหึ่ม ‘พระองค์ภา’ ช่วยได้ คลี่คลายบ่วงแห 'อุ้มหายวันเฉลิม'


๑๑๒ของต้องห้าม ที่เมื่อก่อนแม้แต่จะพูดถึงก็ต้องระวังโอษฐภัย ดังที่ สุณัย ผาสุข ตัวแทนฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์ประเทศไทยชี้ ว่าเดี๋ยวนี้แฮ้สแท็ก #ยกเลิก112 ติดเทร็นด์ทวิตเตอร์อันดับหนึ่ง ภายใน ๒๔ ชั่วโมงมีการทวี้ตซ้ำ ๔๒๗,๐๐๐ ครั้งเช้าวันนี้

แน่นอนว่าน่าจะเพราะเหตุการณ์อุ้มหายนักกิจกรรมสิทธิมนุษยชนไทย ผู้ลี้ภัยคำสั่ง คสช.ในกรุงพนมเปญ ซึ่งฟันธงกันไปแล้วว่า วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ คงไม่รอด ด้วยเหตุจู่โจมลักพาตัวโดยกลุ่มติดอาวุธเช่นนี้ในลาว มีศพเป็นหลักฐานแล้วหลายราย

มิใยที่อดีตรอง ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติจะแสดงความเห็นอย่างดูหมิ่นว่า “วันเฉลิมเป็นใคร​ ทำอะไรผิดถึงต้องหนีไปอยู่กัมพูชา​ ความผิดตาม พรบ.​คอมพิวเตอร์​โทษน้อยมาก​ เป็นใครสำคัญยังไงถึงต้องถูกอุ้ม” ก็ พรบ.คอมพิวเตอร์นี่แหละที่ใช้เล่นงานคนวิจารณ์สถาบันกษัตริย์

นันทิวัฒน์ สามารถ เขียนเฟชบุ๊คสาดเสียว่า “ชัดเจนแล้วหรือว่าถูกอุ้ม​ หรือสรุปว่าตายแล้ว​ ด่วนสรุปเร็วไปไหม มาหมดทั้งเอ็นจีโอ​ กลุ่มสิทธิมนุษยชน​ ทั้งกลุ่มนักเคลื่อนไหว​ เรียกร้องขอความเป็นธรรม เหตุเกิดในกัมพูชา​ แต่มีคนเรียกร้องให้ทางการไทยชี้แจง”
 
อดีตทั่นรองฯ คนนี้ถ้าไม่เป็นแบบเจ้าหน้าที่สำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยฯ ประจำไทย เช่นที่ ศักดา แก้วบัวดี เขียนเล่าคำบ่นของระดับสูงในหน่วยงานสหประชาชาติแห่งนี้ไว้ว่า “ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่คนไทยจะมาจากเด็กเส้น

มาจากลูกหลานคนใหญ่คนโต ไม่ได้มีความรู้ในหน้าที่ของตนเอง บางรายไม่มีความรับผิดชอบในงานของตนเอง” แถมคนเหล่านั้น “ส่วนใหญ่ออกไปเป่านกหวีดกันทั้งนั้นเลย” จึงตอบข้อสงสัยได้อย่างดีว่า “ทำไม UNHCR ถึงไม่สามารถช่วยเหลือผู้ลี้ภัยได้อย่างที่ควรจะเป็น”

เลยทำให้รองฯ คนนี้ไปไม่ถึงตำแหน่งผู้อำนวยการแล้วละก็ เขาก็ต้องเป็นพวกเป่านกหวีดที่มีปัญญาพอเป็นเจ้าเล่ห์ปกป้องรัฐบาลสืบทอดอำนาจ คสช. ไม่ลืมหูลืมตา และแม้กระทั่งศรัทธา บอด สนิท คลั่งไคล้สถาบันฯ ชนิดกู่ไม่กลับ

หากเขาจะสอดส่องหาข้อมูลความรู้ปัจจุบันจะทราบว่า วิธีการปราบคนเห็นต่างของผู้ครองอำนาจรัฐไทยเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีการใช้กฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ตีหัว ขังก่อนสอบแต่ (ถ้าเป็นในประเทศ) ใช้วิธีไปเยี่ยมถึงบ้าน หรือเรียกไปคุยแล้วทำ เอ็มโอยู สารภาพผิด สัญญาจะไม่ทำอีก

แบบนั้นเกิดขึ้นเยอะ สื่อ ประชาไทขวัญใจประชาชนทำรายงานไว้ละเอียดโจ่งแจ้งและเจาะจง ว่าใช้ทั้งข้อหามาตรา ๑๑๖ “ยุยงปลุกปั่น” คู่ขนานไปกับ “การนำตัวไปซักถาม ขอดูอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ขอรหัส หรือสั่งให้ลบโพสต์”

ปัญหาก็คือ “การไปเซ็นแล้วนั้นทำให้เขาได้หลักฐาน และบุคคลเหล่านั้นไม่ทราบว่าในอนาคตจะถูกดำเนิน การอะไร เนื่องจากสิ่งที่ไปเซ็นนั้นอาจจะเป็นหลักฐานมัดในภายหลังในการดำเนินคดี” อันนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ Pavin Chachavalpongpun อ้างไว้
 
วิเคราะห์ในบทความวิชาการของเขา วิธี “จัดการกับผู้เห็นต่างในประเทศ ไม่ใช่ ๑๑๒ แล้วค่ะ แต่ใช้ พรบ. คอมฯ รวมไปถึงการตั้งกลุ่ม vigilante ต่างๆ ไว้คอยล่าแม่มด และสร้างความกดดันทางครอบครัวและที่ทำงาน”

แต่สำหรับพวก dissidents ที่ต่อสู้กับรัฐไทยกึ่งเผด็จการหลังการยึดอำนาจโดยคณะทหารเมื่อพฤษภา ๕๗ หลายราย (นับกันไว้อย่างน้อย ๘) ต้องจบชีวิตด้วยการล่าสังหารโหดอย่างหยามหน้าในประเทศเพื่อนบ้าน ที่แค่เบาะๆ ก็เกือบไป เช่นที่กลุ่ม ไฟเย็น ในฝรั่งเศสเจอ

ซึ่งนันทิวัฒน์ถามว่า “สำคัญยังไงถึงต้องถูกอุ้ม” น่ะ คงต้องเอาคำของ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล มาตอบว่า “ยกเลิกมาตรา ๑๑๒ ก่อนสิ” แล้วจะเปิดเบิ่งให้เห็นความเหี้ย มของคนสั่งการอุ้มฆ่า ทั้งที่เมื่อปี ๒๕๖๐ สหประชาชาติได้เรียกร้องให้ไทยยกเลิกกฎหมาย Lèse-majesté ไว้แล้ว

อย่างไรก็ดีกรณีล่าสุดเกี่ยวกับ วันเฉลิมในฝ่ายรัฐทั้งไทยและเขมรเงียบกันหมด ทางไทยนั้นทำไม่รู้ไม่ชี้ได้เหมาะเจาะ เพราะรัฐไทยไม่ยอมให้สัตยาบัน (หรือเข้าเป็นภาคีอย่างทางการ) ต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศคุ้มครองการบังคับสูญหาย มา ๘ ปีแล้ว

“แม้ว่าประเทศไทยจะได้ลงนามในสนธิสัญญาฉบับดังกล่าว ตั้งแต่เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๐๑๒” ทว่าไม่ได้ให้สัตยาบันเข้าเป็นภาคีเสียที โดยเฉพาะช่วง ๕-๖ ปีที่มีคณะทหารนักยึดอำนาจปกครองมา แม้นว่าฝ่ายเขมรนั้นได้เข้าสู่ ภาคยานุวัติ (accession) ของสํญญาแล้ว


ทางที่เหลืออยู่ในอันที่จะแก้ไขอาการแหพันกันยุ่งเหยิงทางกฎหมายระหว่างประเทศ เรื่องอุ้มหายผู้ลี้ภัยยังพอมี พอดีกับที่ โบว์ณัฏฐา มหัทธนา โพสต์ภาพน่าประทับตา เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงสิริพัชร ที่ทั่วไปรู้จักในนาม พระองค์ภา

ทรงได้รับการถวายพระเกียรติจากสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมสหประชาชาติให้เป็น ทูตสันถวไมตรี แล้วตั้งปณิทานว่าจะทรงเป็นแชมเปี้ยน “ยืนหยัดหลักการนิติธรรมและความเที่ยงตรงในระบบกฎหมายอาญา”

แล้วพระเจ้าลูกยาเธอฯ อัยการเอกที่ลือชื่อในวงตุลาการไทยว่าทรง เฮี้ยบหาใครเปรียบ ยังปาวารณาไว้ข้อหนึ่งว่า “จะลดอาชญากรรมและความรุนแรง ปกป้องกลุ่มบุคคลซึ่งมักถูกลุกล้ำเอาเปรียบ (vulnerable)” ที่รวมทั้งผู้ลี้ภัยด้วยได้

ถ้าจะทรงยื่นพระหัตถืเข้าไปจัดการแก้ปมแหในกรณีของ วันเฉลิมนี้ได้ จะเสริมส่งพระบรมเดชานุภาพของพระราชบิดา ชนิดหาโอกาสงามๆ อย่างนี้ไม่ง่ายนักแล้วในสถานการณ์ปัจจุบัน เว้นแต่ว่าจะทำให้ต้องหวาดหวั่นว่าเป็นการ จุดไต้ตำตอเกินไป