นี่น่าจะเป็นคำตอบต่อข้อกังขา ‘หนีงานหนักในสภา’ หรือว่า ‘อยู่เป็น’
ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในการลาออกจากทุกตำแหน่งในกรรมาธิการรัฐสภา
แล้วลงติดดินทำงานร่วมกับประชาชน โดยเขาเปิดบรรยายพิเศษ ณ ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่
ชำแหละงบประมาณการใช้จ่ายของรัฐบาลสำหรับปี ๒๕๖๓
เรานำบางส่วนของรายงานละเอียดโดยว้อยซ์ทีวี
มาทำสรุปความเสริมเติมจากที่มีอยู่บ้างแล้วในบทความ ไทยอีนิวส์ เมื่อ ๓๐ พ.ย.๖๒
หัวข้อ ‘ถามไม่ตรงคำตอบ’ ที่ https://thaienews.blogspot.com/2019/11/blog-post_984.html
นอกจากกิจการ ‘ธุระไม่ใช่’ ของกองทัพเกี่ยวกับ ‘มวย หวย ม้า’ แล้วธุรกิจเป็นล่ำเป็นสันของกองทัพอีกอย่าง
ที่ทำต่อเนื่องมานาน จนใช้เป็นข้ออ้างตอบคำถามว่าทำไปทำไมไม่เห็นเกี่ยวกับการป้องกันประเทศเสียหน่อย
ก็คือ ‘Entertainment’
Royal Thai Army Entertainment
หรือ ‘RTA’ เป็นธุรกิจที่เคยหรือน่าจะ ‘อูฟู’ แต่กำลัง “มีนัยว่าจะเจ๊ง เพราะขาดทุนสะสม ๑,๐๐๐ ล้าน ขณะที่ทุนจดทะเบียนเพียง ๑๐ ล้านบาทเท่านั้น” เหตุที่จะเจ๊งเพราะ
“กองทัพบกปล่อยเงินกู้ให้ RTA
โดยไม่มีดอกเบี้ย ๑,๒๐๐ ล้านบาท
เพื่อเอาไปลงทุนในตลาดหุ้น โดยซื้อหุ้น ๒ ตัว ๑ ในนั้นคือหุ้นธนาคารทหารไทย
ด้วยเงินรวมกว่า ๑,๔๐๐ ล้านบาท แต่ราคาหุ้นตกเหลือราคาเพียง ๔๐๐
ล้านบาท”
ข้อสำคัญบริษัทอาร์ทีเอนี้
มีกองทัพบกถือหุ้น ๕๐% และที่เหลือจากทั้งหมด ๑๕
ราย มีนายทหาร ๑๔ คนเป็นผู้ถือหุ้น
ธนาธรบอกว่าไม่ได้ต้องการกล่าวหาว่ามีคอรัปชั่นหรืออย่างไร
แต่เรื่องแบบนี้ประชาชนควรที่จะได้รับรู้
เพราะมันเกี่ยวพันกับงบประมาณกองทัพบก
ซึ่งมีจำนวนมากที่สุดในวงงบประมาณกลาโหม ๒.๓๓ แสนล้านบาท อันเป็นอันดับสองของงบฯ
ทั้งประเทศ โดยที่มีงบฯ ประเภทตรวจสอบไม่ได้ ที่เรียกว่า ‘เงินนอกงบประมาณ’ อีกถึง ๑๙,๐๐๐ ล้านบาท
ธนาธรยังระบุด้วยว่ากลาโหมตั้งงบผูกพันอนาคต
(ภาษาชาวบ้าน –เอาไปใช้ก่อน รอให้ลูกหลานจ่าย) เป็นจำนวนมากตลอดสิบปีที่ผ่านมา
เพิ่มขึ้นไม่หยุด จาก ๑ หมื่น ๙ พันล้านในปี ๕๓ มาเป็น ๔ หมื่น ๓ พันล้านในปีหน้า
“อ้างว่าเอาไปใช้พัฒนาขีดความสามารถกองทัพ
หรือ ‘ซื้ออาวุธ’
และการดำรงสภาพความพร้อมในการป้องกันประเทศ ที่หนึ่งในนั้นคือ การสร้างบ้านพักรับรองแจก
VIP กองทัพเรือราคาเป็น ๑๐๐ ล้านบาท”
กลาโหมยังตั้งงบฯ
ใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่กระโดดจาก ๓,๗๐๐ ล้านบาทมาเป็น ๔๖,๐๐๐ ล้านบาท ในปี ๒๕๕๙
ซึ่งใช้เกลี้ยงตลอดมาจนกระทั่งปีนี้ใช้แค่ ๔๐%
แต่กันท่าเอาไว้ ๖๐% เบียดบังไม่ให้หน่วยงานอื่นได้ใช้
หรือเอาไปใช้อย่างอื่นไม่ได้
“ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาระบบชลประทาน,
สาธารณูปโภคและสวัสดิการ รวมถึงการศึกษา”
ซึ่งธนาธรเสนอให้ตัดงบประมาณกลาโหมลง ๔๐% ให้สอดคล้องกับความเป็นจริง
ซึ่ง “น่าจะเป็น ๖๐% ด้วยซ้ำ”
ซึ่งโดยรวมแล้วแสดงว่ากลาโหมถลุงเงินจากคลัง
มากกว่าการอำนวยสวัสดิการแก่ประชาชนทั่วไปเสมอมา “งบประทรวงกลาโหมเฉลี่ยต่อหัวประชากร
สูงกว่างบประมาณของบัตรทอง” สวัสดิการถ้วนหน้า นับแต่การรัฐประหารในปี ๒๕๔๙
เป็นต้นมา
นี่ถ้าเป็นการพูดแจกแจงในกรรมาธิการ
อาจจะไม่ได้รายละเอียดมากเช่นนี้ เพราะคงมี ‘ตัวป่วน’
คอยซักค้านแก้ต่าง บ้างประท้วง บ้างตีรวน จนการอภิปรายล่มก็ได้
ถ้าพลังประชารัฐย้าย ‘สิระกับปารีณา’ ไปอยู่กรรมาธิการงบประมาณ
อะนะ