วันจันทร์, ธันวาคม 02, 2562

ชำแหละ 'นอกสภา' งบฯ กลาโหม เจ๊งพันล้านลงทุน ‘Entertainment’


นี่น่าจะเป็นคำตอบต่อข้อกังขา หนีงานหนักในสภา หรือว่า อยู่เป็นของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในการลาออกจากทุกตำแหน่งในกรรมาธิการรัฐสภา แล้วลงติดดินทำงานร่วมกับประชาชน โดยเขาเปิดบรรยายพิเศษ ณ ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ ชำแหละงบประมาณการใช้จ่ายของรัฐบาลสำหรับปี ๒๕๖๓

เรานำบางส่วนของรายงานละเอียดโดยว้อยซ์ทีวี มาทำสรุปความเสริมเติมจากที่มีอยู่บ้างแล้วในบทความ ไทยอีนิวส์ เมื่อ ๓๐ พ.ย.๖๒ หัวข้อ ถามไม่ตรงคำตอบที่ https://thaienews.blogspot.com/2019/11/blog-post_984.html

นอกจากกิจการ ธุระไม่ใช่ของกองทัพเกี่ยวกับ มวย หวย ม้าแล้วธุรกิจเป็นล่ำเป็นสันของกองทัพอีกอย่าง ที่ทำต่อเนื่องมานาน จนใช้เป็นข้ออ้างตอบคำถามว่าทำไปทำไมไม่เห็นเกี่ยวกับการป้องกันประเทศเสียหน่อย ก็คือ ‘Entertainment’

Royal Thai Army Entertainment หรือ ‘RTA’ เป็นธุรกิจที่เคยหรือน่าจะ อูฟูแต่กำลัง “มีนัยว่าจะเจ๊ง เพราะขาดทุนสะสม ๑,๐๐๐ ล้าน ขณะที่ทุนจดทะเบียนเพียง ๑๐ ล้านบาทเท่านั้น” เหตุที่จะเจ๊งเพราะ

“กองทัพบกปล่อยเงินกู้ให้ RTA โดยไม่มีดอกเบี้ย ๑,๒๐๐ ล้านบาท เพื่อเอาไปลงทุนในตลาดหุ้น โดยซื้อหุ้น ๒ ตัว ๑ ในนั้นคือหุ้นธนาคารทหารไทย ด้วยเงินรวมกว่า ๑,๔๐๐ ล้านบาท แต่ราคาหุ้นตกเหลือราคาเพียง ๔๐๐ ล้านบาท”

ข้อสำคัญบริษัทอาร์ทีเอนี้ มีกองทัพบกถือหุ้น ๕๐% และที่เหลือจากทั้งหมด ๑๕ ราย มีนายทหาร ๑๔ คนเป็นผู้ถือหุ้น ธนาธรบอกว่าไม่ได้ต้องการกล่าวหาว่ามีคอรัปชั่นหรืออย่างไร แต่เรื่องแบบนี้ประชาชนควรที่จะได้รับรู้

เพราะมันเกี่ยวพันกับงบประมาณกองทัพบก ซึ่งมีจำนวนมากที่สุดในวงงบประมาณกลาโหม ๒.๓๓ แสนล้านบาท อันเป็นอันดับสองของงบฯ ทั้งประเทศ โดยที่มีงบฯ ประเภทตรวจสอบไม่ได้ ที่เรียกว่า เงินนอกงบประมาณ อีกถึง ๑๙,๐๐๐ ล้านบาท

ธนาธรยังระบุด้วยว่ากลาโหมตั้งงบผูกพันอนาคต (ภาษาชาวบ้าน –เอาไปใช้ก่อน รอให้ลูกหลานจ่าย) เป็นจำนวนมากตลอดสิบปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นไม่หยุด จาก ๑ หมื่น ๙ พันล้านในปี ๕๓ มาเป็น ๔ หมื่น ๓ พันล้านในปีหน้า

“อ้างว่าเอาไปใช้พัฒนาขีดความสามารถกองทัพ หรือ ซื้ออาวุธ และการดำรงสภาพความพร้อมในการป้องกันประเทศ ที่หนึ่งในนั้นคือ การสร้างบ้านพักรับรองแจก VIP กองทัพเรือราคาเป็น ๑๐๐ ล้านบาท”

กลาโหมยังตั้งงบฯ ใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่กระโดดจาก ๓,๗๐๐ ล้านบาทมาเป็น ๔๖,๐๐๐ ล้านบาท ในปี ๒๕๕๙ ซึ่งใช้เกลี้ยงตลอดมาจนกระทั่งปีนี้ใช้แค่ ๔๐% แต่กันท่าเอาไว้ ๖๐% เบียดบังไม่ให้หน่วยงานอื่นได้ใช้ หรือเอาไปใช้อย่างอื่นไม่ได้

“ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาระบบชลประทาน, สาธารณูปโภคและสวัสดิการ รวมถึงการศึกษา” ซึ่งธนาธรเสนอให้ตัดงบประมาณกลาโหมลง ๔๐% ให้สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่ง “น่าจะเป็น ๖๐% ด้วยซ้ำ”

ซึ่งโดยรวมแล้วแสดงว่ากลาโหมถลุงเงินจากคลัง มากกว่าการอำนวยสวัสดิการแก่ประชาชนทั่วไปเสมอมา “งบประทรวงกลาโหมเฉลี่ยต่อหัวประชากร สูงกว่างบประมาณของบัตรทอง” สวัสดิการถ้วนหน้า นับแต่การรัฐประหารในปี ๒๕๔๙ เป็นต้นมา


นี่ถ้าเป็นการพูดแจกแจงในกรรมาธิการ อาจจะไม่ได้รายละเอียดมากเช่นนี้ เพราะคงมี ตัวป่วนคอยซักค้านแก้ต่าง บ้างประท้วง บ้างตีรวน จนการอภิปรายล่มก็ได้ ถ้าพลังประชารัฐย้าย สิระกับปารีณาไปอยู่กรรมาธิการงบประมาณ อะนะ