.jpg)
ไม่เห็นด้วยกับการทำหมอนยางพารา 30 ล้านใบแจกประชาชน เพราะถ้าอยากช่วยประเทศชาติจริงๆ รบกวนทำถุงยางอนามัยแจกคนที่เลือกพรรคพลังประชารัฐดีกว่าครับ— ศาสดา (@IamSasdha) December 21, 2019
...หมอนยางประชารัฐ กับกลิ่นทุจริต วงเงิน 18,000 ล้านบาท ผลิต 30 ล้านใบ แจกบ้านละ 1 ใบ ตกใบละ 600 บาท!https://t.co/G6yIrgA5qS— independence (@redbamboo16) December 22, 2019
ราคคาขายทั่วไป >
หมอนยางพารานวลจันทร์ 250 บาท/ใบhttps://t.co/H0QVHKrRTH
อาจถึงยุค ‘เสื่อผืนหมอนใบ’
วันนี้แจกหมอน พรุ่งนี้เสื่อ 🙂
.
ผมนอนไม่หลับ
เมื่อเห็นข่าวแจกหมอนของรัฐบาล
ด้วยเงินลงทุน 18,000,000,000 บาท
(หนึ่งหมื่นแปดพันล้านบาท)
เรามาถึงขอบเหวอันหมิ่นเหม่ถึงเพียงนี้ละหรือ
ขณะที่ไม่ได้หลับได้นอน ก็ลองคิดทบทวนว่า
ถ้าเอาเงินจำนวนหมื่นแปดพันล้านบาทมาลงทุน
ด้วยระบบหนังสือสาธารณะ ความรู้ประชาชาติ
จะเกิดอะไรขึ้น
เราเคยศึกษา ปฏิบัติการระบบหนังสือหมุนเวียน
ที่จังหวัดกระบี่ ด้วยเงินทุนไม่ถึง 1 ล้านบาท
ภายในเวลาไม่ถึง 3 ปี ได้ผลตอบแทนมหาศาล
เช่น กองทุนสวัสดิการหมู่บ้านอันยั่งยืน
เพียงผลตอบแทนโครงการนี้ก็มากกว่าสิบเท่า
ผลตอบแทนที่โดดเด่นในทางเศรษฐกิจ คือ
ชาวบ้านบางคนกลายเป็นเศรษฐีด้วยหนังสือ
ชาวบ้านนับสิบคนมีอาชีพร่ำรวยเพราะความรู้
จ่ายภาษีให้รัฐบาลทั้งทางตรง ทางอ้อมมากมาย
หลังจากงอกงามด้วยการอ่านหนังสือไม่กี่เล่ม
ผมจึงคิดว่า ถ้ารัฐบาลเอาเงิน หมื่นแปดพันล้าน
มาลงทุนด้วยระบบความรู้ เงินทุนจะไม่สูญเปล่า
และยังจะได้กำไรกลับคืนมหาศาล
ถ้าไม่เชื่อ มาพนันกันก็ได้ครับ ผมจะทำให้ดู
ในเวลา 3 ปี จะแจกหมอนพร้อมที่นอนก็ยังได้
ข้อสำคัญ ไม่เพียงหมอนให้คน 30 ล้านคน
แต่สำหรับคนทุกคน ทั่วทั้งประเทศ
และคนเหล่านั้นจะจ่ายเงินคืนให้รัฐบาล
ภายในเวลาไม่เกิน 5 ปี ในนามภาษีเงินได้
จะลองดูไหมครับ เริ่มได้ทันที พรุ่งนี้
