พรบ.ภาษีที่ดินฯ: กฎหมายอัปยศช่วยอภิมหาเศรษฐี
โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย
การที่ปลัดกระทรวงการคลังบอกว่า การปลูกมะนาวเพื่อเลี่ยงภาษีที่ดินฯ เป็นสิ่งที่ชอบแล้วเพราะกฎหมายเปิดช่องให้ แสดงว่ากฎหมายคสช. ฉบับนี้ช่วยอภิมหาเศรษฐีเป็นสำคัญ ถือเป็นความอัปยศของแผ่นดินที่ไม่ทำเพื่อประเทศชาติ
ในข่าวนี้กล่าวว่า “นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลังเปิดเผยถึงกรณีข่าวเผยแพร่ว่า มีที่ดินย่านรัชดาภิเษกมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท ปลูกมะนาวบนที่ดิน เพราะต้องการหลีกเลี่ยงภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างว่า เป็นสิทธิที่เจ้าของที่ดินจะทำได้ เพราะกฎหมายไม่ได้ห้ามไว้ ในส่วนของกระทรวงการคลังมองว่าการปลูกมะนาวบนที่ดินเป็นการสร้างมูลค่าให้ที่ดิน ดีกว่าปล่อยที่ดินให้ทิ้งร้างไว้เฉยๆ. . .การปลูกมะนาวในที่ดินดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่กระทรวงการคลังต้องกังวล <1>
ที่ดินแปลงนี้มีขนาดประมาณ 24 ไร่ มีราคาตลาดจริง ตารางวาละ 800,000 บาท ส่วนราคา 1-1.2 ล้านเป็นแค่ราคาเรียกขาย ดังนั้นราคา ที่ดินแปลงนี้ควรมีมูลค่า 6,400 ล้านบาท ถ้าเสียภาษี 2% ต่อปีเช่นในต่างประเทศ ควรเสียปีละ 128 ล้าน <2> เพื่อกระตุ้นให้นำที่ดินใจกลางเมืองมาพัฒนาจะได้ไม่ออกไปพัฒนานอกเมือง แล้วการเสียภาษีนี้ก็ไม่เป็นปัญหาต่อเจ้าของที่ดินเพราะปกติราคาที่ดินแถวนี้เพิ่มขึ้นปีละ 10% อยู่แล้ว แต่พอปลูกมะนาว ก็เสียภาษีแบบเกษตรกรรม เพียง 3.2 ล้านบาท แต่ในความเป็นจริงไม่เสียภาษีสักบาทเพราะกฎหมายอัปยศนี้เปิดช่องยกเว้นในสามปีแรกสำหรับที่ดินเกษตรกรรม
นี่คือความไม่เป็นธรรมและอัปยศอดสูในแผ่นดินที่ที่ดินมูลค่า 6,000 ล้านบาท ทำเป็นปลูกมะนาวไม่ต้องเสียภาษีสักบาทใน 3 ปีแรกทั้งที่ราคาที่ดินขึ้นปีละ 10% (600 ล้านบาท) แต่ชาวบ้านที่มีบ้านหลังที่สองราคา 1 ล้านบาทต้องเสียภาษีปีละ 200 บาท และถ้าเป็นหลังที่สองที่ปล่อยเช่าต้องเสียภาษีปีละ 3,000 บาท เชื่อว่าภายใน 3 ปีที่ดินแปลงนี้คงนำไปพัฒนาโดยได้หลบภาษีสบายๆ แต่หากต้องเสียภาษีก็เสียเพียงราวครึ่งหนึ่งเพราะราคาประเมินของกรมธนารักษ์ต่ำกว่าราคาตลาดถึงครึ่งต่อครึ่ง นี่แสดงถึงการเอื้อประโยชน์ต่ออภิมหาเศรษฐีอีกทางหนึ่งโดยการประเมินราคาราชการต่ำๆ
ทำไมถึงออกกฎหมายเอื้ออภิมหาเศรษฐีแต่บีฑาประชาชนทั่วไปเช่นนี้ ถ้าเป็นในสมัยก่อน คสช. ที่เรามีนักการเมือง เราก็อาจโทษนักการเมืองว่าทำเพื่อตัวเอง แต่นี่เห็นชัดว่าอภิมหาเศรษฐีและชนชั้นสูงใช้กลไก คสช. มาออกกฎหมายเพื่อประโยชน์แก่พวกตนเองอย่างน่าละอาย คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการออกกฎหมายอัปยศเช่นนี้ควรได้รับโทษทัณฑ์จากศาลของประชาชนในอนาคต