จากกรณีที่เราโดนล่าแม่มดเพราะโพสต์รูประหว่างการเข้าร่วมชุมนุมที่สกายวอล์ค เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา ขอยืนยันว่าภาพดังกล่าวไม่มีเจตนาหมิ่นหรือจาบจ้วงใดๆ ทั้งสิ้น เราเห็นว่าข้อความที่ปรากฏบนกระดาษก็มีความหมายตรงตัวคือสื่อถึงรัฐบาลอย่างเดียว ตัวเราเองก็ไม่รู้จักผู้ถือป้ายเป็นการส่วนตัวด้วย ที่กดลั่นชัตเตอร์ไปนั้นเพราะรู้สึกว่าเป็นภาพที่ผู้ชุมนุมสื่อถึงรัฐบาล ไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นหรือจาบจ้วงอะไร
การล่าแม่มดที่เกิดขึ้นอย่างหนักในเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำให้เราต้องระงับการใช้เฟซบุ๊คชั่วคราว เกิดการพยายามคุกคามและใช้ข้อความโจมตีที่สร้างความเกลียดชังขยายขึ้นในวงกว้าง เราขอยืนยันว่าไม่มีใครสมควรโดนล่าแม่มดเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม หากมีการคุกคาม การเผยแพร่ข้อมูลหรือรูปภาพที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย บิดเบือน หมิ่นประมาท สร้างความเกลียดชัง ขอใช้สิทธิในการดำเนินคดีตามกฎหมายนะคะ เพราะคิดว่าหากนิ่งเงียบต่อไปจะยิ่งสร้างความหวาดกลัวทั้งต่อตัวเองและต่อสังคมในวงกว้าง และเพื่อยืนยันถึงสิทธิในการแสดงออกทางการเมือง ซึ่งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ
อย่าทำลายชีวิต ทำลายอนาคตกันเพียงเพราะการโพสต์รูปเพียงรูปเดียว
ส่วนใครที่เคยส่งข้อความมาหาเรา หรือเขียนข้อความด่า ยุยง ปลุกปั่น โจมตี ข้อความอันเป็นเท็จ เราแคปไว้แล้วนะคะ
...
..จากการตรวจสอบของศูนย์ทนายฯ ขณะนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับโพสต์จำนวน 4 รายที่ตกเป็นข่าว ซึ่งรมต.ดิจิทัลฯ กล่าวถึง ยังไม่มีใครถูกจับกุมตัวแต่อย่างใด— TLHR | ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (@TLHR2014) December 18, 2019
ด้าน @sunaibkk @hrw ระบุว่า รัฐบาลต้องเปิดเผยว่าใครโดนจับ ใช้อำนาจตามกฎหมายใด ไม่เช่นนั้นจะเข้าข่ายคุมตัวโดยพลการ และบังคับสูญหาย pic.twitter.com/GIpOnR4roI
DRG ขอประณามการอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อข่มขู่คุกคาม ล่าแม่มด และดำเนินคดีต่อผู้โพสต์ภาพการชุมนุมทางการเมือง
จากเหตุการณ์ที่บุคคลจำนวนหนึ่งได้โพสต์ภาพการชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2562 โดยปรากฏเป็นภาพป้ายข้อความประท้วงถูกถ่ายคู่กับพระบรมสาทิสลักษณ์ของรัชกาลที่ 9 และในเวลาต่อมามีผู้นำข้อมูลส่วนตัวของผู้โพสต์มาเผยแพร่และชี้ชวนให้มีการติดตามคุกคามต่อผู้โพสต์จนผู้โพสต์อย่างน้อย 1 รายได้รับความเสียหายต่ออาชีพการงาน มากไปกว่านั้น ยังมีความพยายามดำเนินคดีซึ่งนำโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยล่าสุดได้แจ้งว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมตัวผู้โพสต์แล้วนั้น
กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG) มีความเห็นว่าการแสดงความคิดเห็นหรือแสดงออกทางการเมืองใดๆ ย่อมมีทั้งผู้เห็นด้วยและผู้ไม่เห็นด้วย ซึ่งหากผู้ใดไม่เห็นด้วยกับการแสดงความคิดเห็นหรือแสดงออกนั้น ย่อมมีสิทธิที่จะตอบโต้ด้วยการแสดงความคิดเห็นหรือแสดงออกเช่นกัน แต่จะต้องไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นหรือแสดงออกในลักษณะข่มขู่คุกคาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อหวังผลให้มีการติดตามคุกคาม หรือที่เรียกว่าการล่าแม่มด ซึ่งเป็นการละเมิดต่อสิทธิและสวัสดิภาพของบุคคลอย่างรุนแรง
มากไปกว่านั้น การล่าแม่มดและดำเนินคดีที่เกิดขึ้นยังเป็นอีกครั้งที่สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกนำมาเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างผู้เห็นต่างทางการเมือง โดย DRG เห็นว่าหากการดำเนินคดีโดยใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แล้ว การโพสต์ภาพที่เกิดขึ้นย่อมไม่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายดังกล่าว เพราะกฎหมายดังกล่าวมุ่งคุ้มครองเฉพาะองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในขณะปัจจุบันเท่านั้น ความพยายามดำเนินคดีในข้อหา “โพสต์ภาพมิบังควร” จึงเป็นความพยายามใช้กฎหมายเพื่อข่มขู่บุคคลไม่ให้แสดงความคิดเห็นหรือแสดงออกทางการเมืองทั้งที่ไม่ได้เป็นความผิดตั้งแต่แรก และอาจส่งผลเป็นการปิดปากประชาชนที่ต้องการแสดงความเห็นหรือแสดงออกในอนาคตเพียงเพื่อให้รอดพ้นจากการถูกดำเนินคดีอย่างที่เคยเกิดขึ้นตลอดมาหลังการรัฐประหาร
นอกจากนี้ DRG ขอตั้งข้อสังเกตว่าล่าแม่มดและดำเนินคดีดังกล่าวยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อใส่ร้ายป้ายสีการชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมาว่ามีลักษณะเป็นการโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นความพยายามที่จะทำลายขบวนการเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยภาคประชาชนไม่ให้เติบโตและมีความเข้มแข็งขึ้นในอนาคต
DRG จึงขอประณามการนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อข่มขู่คุกคาม ล่าแม่มด และดำเนินคดีต่อผู้โพสต์ภาพการชุมนุมทางการเมืองในครั้งนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในอีกหลายๆ ครั้งที่สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกผู้มีอำนาจรัฐและผู้สนับสนุนนำมาใช้เป็นเครื่องมือทำลายล้างผู้เห็นต่างทางการเมือง
และขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยตัวผู้ถูกจับกุมว่าถูกแจ้งข้อหาตามกฎหมายข้อใด ถูกควบคุมตัวไว้ที่ไหน และเปิดให้บุคคลดังกล่าวได้พบทนายความโดยทันที