“เศรษฐกิจตกสะเก็ดเพราะรัฐบาลลุงตู่อย่างไร?” ประเด็นสภาที่ ๓ แถลงข่าวประจำปี วันที่ 26 ธันวาคม 2562
🌎 โลกที่เปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาบังคับให้ทุกคนต้องปรับตัว แต่กลุ่มที่แก้ปัญหาช่วยตัวเองได้น้อย คือระดับรากหญ้าและธุรกิจ sme
🇹🇭 รัฐบาลของลุงตู่ยึดทฤษฎี Top down คือเน้นให้โอกาสนายทุนทั้งไทยและเทศ เพื่อช่วยจ้างงาน และเมื่อมีกำไรแล้ว น้ำจะล้นเขื่อนลงไประดับล่างเอง
ลุงตู่ห้อมล้อมตนเองด้วยคนที่เคยรับใช้นายทุน จึงไม่มีใครเสนอทฤษฎี Bottom up ไม่สนใจทำให้รากหญ้าและ sme เข้มแข็งเสียก่อน
🇺🇸 ฟ้าดินส่งทรัมป์ไปเป็นผู้นำสหรัฐ เปิดสงครามการค้ากับประเทศต่างๆ พาโลกถอยหลังจากโลกาภิวัฒน์ บีบให้ทุกประเทศต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน
รัฐบาลลุงตู่ไม่ชี้นำแบงค์ชาติ ติดกับดับ Inflation targeting ปล่อยให้เงินบาทแข็ง ยิ่งกระทบกำลังซื้อของเกษตรกรและ sme หนักขึ้น
แต่นอกเหนือจากปัจจัยภายนอก ลุงตู่ยังเผชิญปัจจัยภายในอีกด้วย
เป็นปัจจัยที่ลุงตู่สร้างเอง จากการละเลยธรรมาภิบาลและการป้องปรามคอร์รัปชัน รวมทั้งทำโครงการที่เอื้อประโยชน์ต่อนายทุนหลายเรื่องแต่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย
ทำให้ฐานะของรากหญ้าลำบากขึ้น ความเหลื่อมล้ำของไทยติดอันดับโลก
ตัวอย่างเช่น
🚬 (1) ออกกฎหมายศุลกากร เปลี่ยนแปลงฐานการคิดค่าปรับฉ้ออากร จากเดิม 21 ส่วนลดลงเหลือเพียง 1 ส่วน
เป็นการช่วยลดค่าปรับของบริษัทบุหรี่ต่างชาติรายหนึ่งจาก 8.4 หมื่นล้านบาทเหลือเพียง 2 พันล้านบาทเศษ
และเนื่องจากสิทธิในค่าปรับดังกล่าวเป็นของรัฐ เปรียบเทียบเป็นการปล้นแผ่นดินทำให้ประชาชนเสียหาย ได้หรือไม่?
🚃 (2) ออกโครงการไฮสปีดเชื่อมสามสนามบิน ให้เอกชนเช่าที่มักกะสันของ ร.ฟ.ท. 50 ปี 140 ไร่
เป็นการช่วยเอกชนให้เช่าถูก โดยคิดค่าเช่า 5 หมื่นล้านบาทซึ่งเป็นเพียง 1 ใน 3 ของมูลค่าแท้จริงที่เปรียบเทียบกับที่ดินห้าแยกลาดพร้าวของ ร.ฟ.ท. มูลค่าจะเกิน 1.5 แสนล้านบาท
เปรียบเทียบเป็นการปล้น ร.ฟ.ท. ได้หรือไม่? ทำให้หมดสิทธิที่จะใช้ที่ดินพระราชทานเพื่อแก้ปัญหาตัวเอง และทำให้ประชาชนเสียหาย
🦀 (3) ออกกฎหมายอีอีซี เปลี่ยนแปลงผังเมืองโดยไม่ยึดหลักวิชาการ
เป็นการช่วยให้เอกชนกว้านซื้อที่ดินสีเขียวราคาถูก เพื่อวิ่งเต้นขอเปลี่ยนเป็นสีม่วงอุตสาหกรรม ราคาสูงขึ้นหลายสิบเท่า และช่วยให้อภิมหานายทุนวิ่งไล่ซื้อที่ดินไว้เก็งกำไรอีกด้วย
โครงการนี้จะทำให้พื้นที่เกษตรรอบข้างเสียหาย ทำลายแหล่งผลิตลูกพันธุ์สัตว์น้ำหลักของประเทศ และจะกระทบต่อนโยบาย ‘ครัวไทยครัวโลก’
นอกจากนี้ ยังออกกฎหมาย อีอีซี เพื่อจะเอาที่ สปก. และที่ราชพัสดุไปใช้อีกด้วย
เปรียบเทียบเป็นการปล้นพื้นที่ทำกินของชาวบ้านและที่หลวง เอาไปให้นายทุนอุตสาหกรรม ได้หรือไม่?
🚬 (4) ออกกฎหมายสรรพสามิต เปลี่ยนแปลงวิธีกำหนดฐานราคาบุหรี่
เป็นการช่วยให้บริษัทบุหรี่ต่างชาติสำแดงราคาต่ำเพื่อเข้าอัตราภาษีร้อยละ 20 แต่โรงงานยาสูบของรัฐต้องสำแดงราคาสูงเพราะมีภาระรับซื้อใบยาจากเกษตรกร ทำให้โดนอัตราภาษีร้อยละ 40 ไม่สามารถแข่งขันกับบุหรี่ต่างชาติ
ทำให้กำไรปีละเกือบหมื่นล้านบาทของโรงงานยาสูบหายไปโดยไม่มีความจำเป็น โดยไม่มีเหตุผลสมควร
เปรียบเทียบเป็นการปล้นเมือง ทำให้กระทรวงการคลังเสียหาย ได้หรือไม่?
🦠 (5) ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ตามที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินมีมติให้คืนระบบท่อก๊าซธรรมชาติให้กระทรวงการคลังอย่างครบถ้วน
ทั้งที่กฎหมายว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดินบัญญัติไว้ ให้ต้องทำตามมติของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเท่านั้น
เป็นการช่วยให้มีการผูกขาดธุรกิจก๊าซต่อไป
เปรียบเทียบเป็นการปล้นประชาชน เอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ผูกขาด และทำให้กระทรวงการคลังเสียหาย ได้หรือไม่?
🚷 (6) ออกทีโออาร์ประมูลการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแหล่งเอราวัณและแหล่งบงกช โดยยอมให้บริษัทต่างชาติที่ฉ้อภาษีเข้าร่วมประมูล ทำให้กระทรวงการคลังเสียหาย
เปรียบเทียบเป็นการปล้นชาติ ได้หรือไม่? ที่ยอมให้บริษัทต่างชาติฉกฉวยประโยชน์จากรัฐ ทั้งที่ความไม่สุจริตปรากฏแล้วชัดเจน
🔥 (7) ยกเลิกเพดานราคาก๊าซหุงต้มแก่ภาคครัวเรือน เปลี่ยนไปอ้างอิงราคาตลาดโลกแทน ทั้งที่เป็นก๊าซที่ผลิตจากอ่าวไทยราคาถูกกว่า
เป็นการช่วยให้บริษัทที่ผูกขาดธุรกิจก๊าซกำไรเพิ่มขึ้น ในขณะที่ภาคครัวเรือนต้องควักกระเป๋าซื้อก๊าซหุงต้มแพงขึ้น
เปรียบเทียบเป็นการปล้นจี้ผู้บริโภค ล้วงกระเป๋าชาวบ้านไปเจือจุนนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งคนไทยและต่างชาติ ได้หรือไม่?
❌ (8) ยกเลิกการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซ
จากเดิมที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.)มีภาระต้องจ่ายกำไรนายหน้าให้แก่บริษัทที่ผูกขาดธุรกิจก๊าซ จึงขออนุมัติรัฐบาล ขอเปลี่ยนเป็นนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีเองเพื่อไม่ต้องเสียค่านายหน้า
อันจะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ด้วยการลดค่าไฟฟ้า แต่กลับถูกยกเลิก
เปรียบเทียบเป็นการปล้นประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้า ล้วงกระเป๋าชาวบ้านไปให้แก่ผู้ผูกขาดธุรกิจก๊าซ ได้หรือไม่?
ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงบางตัวอย่างผลงานของรัฐบาลลุงตู่ที่ทำร้ายประชาชน ทำให้ความเป็นอยู่ฝืดเคือง ทำให้ประชาชนกังวลต่อวาทะแห่งปี ⚠️!! ผมอยู่อีกนาน !!⚠️
วันที่ 26 ธันวาคม 2562
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
Facebook Thirachai Phuvanatnaranubala
(เครดิตภาพตามแหล่งที่แสดงชื่อ)
หมายเหตุ: การกล่าวถึงชื่อบุคคลใดมิใช่เป็นการกล่าวหากระทำความผิด แต่เป็นเพื่อประกอบการบรรยายทางวิชาการเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ